Deal of The Day !!!

[General] Brand Respect


     Brand Respect คืออะไร คำๆนี้เป็นศัพท์ที่ไม่ได้ใช้กันแพร่หลายทั่วไปแต่ผมตั้งใช้ขึ้นมาเพื่อให้ความเคารพในการออกแบบของแต่ละแบรนด์นั้นๆ ผมเป็นคนที่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับตัวตนและบุคลิกเฉพาะตัวของเครื่องเล่นแต่ละชนิดไม่ว่าจะเป็น CD Player, Turn Table, DAC, Pre Amplifier, Power Amplifier หรือแม้กระทั่ง Integrated Amplifier สิ่งที่เจ้าของแบรนด์หรือนักออกแบบนำเสนอให้เราเปรียบได้กับรอาหารถึงแม้ว่ามันจะไม่ถูกปากเราแต่เราก็ควรให้ความเคารพในสิ่งที่เค้าต้องการจะนำเสนอ

     การเปลี่ยนแปลงบุคลิกของเครื่องเสียงโดยการโมดิฟายแก้ไขหรือดัดแปลงล้วนเป็นสิ่งที่นักเล่นเครื่องเสียงหลายท่านอาจจะเคยผ่านมาแล้ว ทั้งการเปลี่ยนสายไฟในเครื่อง เปลี่ยนท้าย IEC เปลี่ยนฟิวส์ เปลี่ยน Cap เพื่อให้ได้เสียงที่ดีขึ้น สิ่งเล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบเอาซะเลย ตัวตนของเครื่องที่เจ้าของและนักออกแบบตั้งใจทำออกมาเพื่อนำเสนอให้เราฟัง ถูกดัดแปลงแก้ไขไปสู่สิ่งที่เจ้าของต้องการ


      ยกตัวอย่างจากแอมป์ Accuphase ใครเป็นที่ยกย่องในเรื่องความ หวาน นุ่น ละมุนละไม ฟังเพลินเบาบางสบาย ซึ่งเป็นเสียงที่ Accuphase ได้นำเสนอและเป็นตัวตนของ Accuphase มาอย่างยาวนาน หากแอมป์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเช่นนี้จะต้องถูกโมดิฟายโดนการเปลี่ยนฟิวส์เพื่อให้ได้เสียงที่หนักแน่น อิ่มหนายิ่งขึ้น หรือ เปลี่ยน Cap และสายไฟในเครื่อง เบื่อให้ได้เสียงเบสอิ่มเอิบมากขึ้น การกระทำเหล่านั้นจะมีประโยชน์อะไรหากทำให้ Accuphase สูญเสียตัวตนไปอย่างสิ้นเชิง ผมมักจะตั้งคำถามต่อการกระทำเหล่านี้เสมอว่า

"แล้วจะซื้อ Accuphase มาทำไม?"
 
     แม้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นสิทธิ์ของเจ้าของที่จะทำอะไรก็ได้ แต่ผมนิยมชบชอบแนวทางการเล่นที่นำสิ่งที่นักออกแบบนำเสนอ มาใช้ให้เต็มประสิทธิภาพเสียมากกว่า ถ้าไม่ชอบก็ขายไปหาแบรนด์อื่นมาเล่นแทนซะดีกว่า

Irene Audio 
Line: cchalerm

0 comments :

[Knowledge] มือใหม่เริ่มเล่นอย่างไรไม่ให้เจ็บตัว (ภาค Home Theater)


     เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีรุ่นพี่ที่เคยเรียนคณะเดียวกันมาปรึกษาเรื่อง อยากได้ชุดโฮมเธียเตอร์ระดับเริ่มต้นซักชุดนึง แต่มีให้เลือกเยอะแยะไปหมดไม่รู้จะเลือกอย่างไรดี เอาล่ะวันนี้ผมจะมาแนะนำการเริ่มเล่นในสไตล์ที่เรียกว่า "ไม่ได้ดีที่สุด แต่ไม่เจ็บตัว" ให้ฟังกัน

     ในบทความนี้เราจะเริ่มต้นกันที่ชุด Home Theater ก่อนนะครับ เอาละสมมติว่าเรามีงบประมาณกันซัก 4-5 หมื่นบาทเราจะเริ่มกันยังไงดี เราจะโยนซิสเต็มมูลค่า 5 หมื่นบาทให้เค้าไปเลยมั้ย หรือเราจะค่อยๆเริ่มดี เพราะยิ่งดูเยอะยิ่งมีตัวเลือกเยอะ ยิ่งดูยิ่งอยากได้ ยิ่งดูยิ่งรู้ยิ่งมีอะไรมายั่วยวนใจให้เสียเงินทุกที

     สิ่งแรกที่ควรทำคือ "ถามตัวเองก่อนว่าจะอยู่ในวงการเครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์ต่อไปในฐานะนักเล่นเครื่องเสียงหรือเพียงต้องการชุดดูหนังสักชุดนึงโดยที่จะไม่หันกลับมามองข่าวสารอะไรในวงการนี้อีกและจะไม่จ่ายเงินลงมาเกินจากงบแล้ว" หากคำตอบเป็นอย่างหลังผมก็ไม่ลังเลที่จะจับชุดที่ดีที่สุดเท่าที่งบประมาณที่ให้มาจะจัดให้ได้ (รับปากแล้วนะว่าจะไม่ดูไม่ซื้ออะไรอีก) แต่ถ้าหากเป็นอย่างแรกเรามาดูขั้นตอนต่อไปกันครับ

     ขั้นตอนที่สอง "เลือกก่อนว่าสิ่งที่ต้องการมีอะไรบ้าง" เช่น อยากดู Blue Ray อยากดู 3D อยากดูความชัดระดับ 4K อยากเล่นกล่อง Android ณ ปัจจุบันที่เขียนคือปี พ.ศ. 2559 ซึ่งระบบภาพที่ดีที่สุด ณ วันนี้คือจอความชัดระดับ 4K และระบบเสียง Dolby Atmos ซึ่งเป็นระบบเสียงมาตรฐานใหม่ล่าสุดที่พึ่งคลอดออกมา แต่จะเกิดหรือจะดับอันนี้ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์


     ขั้นตอนที่สาม "เลือกของตลาด" ถึงตอนนี้หลายคนคงจะงงกับขั้นตอนนี้แล้วว่าทำไมต้องเลือกของตลาด ผมให้เหตุผลไว้แบบนี้ครับ ในวันที่เรายังเป็นมือใหม่ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างอีกมากมายที่เรายังไม่มีความรู้และเราอาจจะยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการจริงๆ ดังนั้นการลองเล่นให้ไม่เจ็บตัวมากนักคือ ซื้อของตลาดๆที่คนอื่นเค้าเล่นกันทั่วไปอย่างเช่นยี่ห้อ Onkyo, Yamaha, Denon ซึ่งเป็นชุดระดับเริ่มต้นที่จัดอยู่ในคุณภาพระดับ "ยอมรับได้" เมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไป การเล่นของตลาดมีข้อดีคือการขายต่อสามารถทำได้ง่าย ขาดทุนไม่มากและเป็นบทเรียนที่ราคาไม่แพงให้เราขยับต่อไปในขั้นที่สูงกว่า


"ลืมความคิดที่จะซื้อครั้งเดียวใช้ได้ยาวๆ หากคุณยังอยู่ในวงการเครื่องเสียง การขายของที่มีอยู่และหาซื้อสิ่งใหม่เป็นเรื่องที่ปกติมากๆ"

     แล้วเราจะเลือกราคาระดับไหนดีล่ะ จากประสบการณ์ส่วนตัวครับคนอยากได้กิเลสมาทุกคนไม่มีใครใจเย็นนั่งหาข้อมูลอ่านแล้วอ่านอีกหรอกจริงมั้ยครับ มีเงินอยู่ในมือแล้วอยากจะได้ของมาดูให้เร็วๆซะจริงๆ ดังนั้นในขณะที่คุณยังไม่มีความรู้และกำลังสะสมความรู้เพื่อจะก้าวต่อไป การเลือกที่ดีที่สุดในความเห็นของผมคือ เลือกของมาตรฐานที่ราคาถูกที่สุดมาใช้ก่อน หลายคนอาจจะสงสัยว่าเลือกของถูกแล้วมันจะดีเหรอมีงบตั้ง 5 หมื่นบาท ทำไมไม่ใช้ให้เต็มงบ เดี๋ยวได้ใช้แน่นอนครับไม่ต้องรีบ

     การซื้อของตลาดราคาถูกหรือชุดระดับเริ่มต้น เป้าหมายจริงๆคือเราไม่ได้ซื้อมาใช้ครับ เราซื้อมาเรียนรู้ เราจะเรียนรู้การเชื่อมต่อระบบเช่น การต่อเครื่องเล่น Bluray ไปทีวี ใช้สายประเภทไหนได้บ้าง การต่อ Blue ray ไป AVR ใช้สายประเภทไหนได้บ้างและต่ออย่างไร หรือจะ Setup ลำโพงอย่างไรให้ได้เสียงที่ดีที่สุดเท่าที่ซิสเต็มจะทำได้ ของพวกนี้มีวิธีตรงและวิธีอ้อมหลายวิธีมากครับ ถ้าอธิบายกันตั้งแต่มือใหม่ก็คงจะงงกันถ้วนหน้าและจำไม่หมดดั่งตอนเข้าห้องเรียนแล้วก็จำอะไรกันไม่ได้แน่ๆ ดังนั้นเราต้องเปลี่ยนจากการท่องจำเป็นการเรียนรู้และเข้าใจครับ ทีนี้แหละมันจะเป็นพื้นฐานติดตัวเราไปแบบที่เราไม่ต้องจำอะไรมันอีกเลย

      เพราะฉะนั้นชุดเริ่มต้นที่แนะนำเห็นจะไม่พ้นพวกชุดลำโพง Sattelite + Sub Woofer พร้อม AVR หนึ่งตัวในราคาหมื่นต้นๆ ยกตัวอย่างตามรูปข้างล่างดังต่อไปนี้

ONKYO รุ่น HT-S3700 17,900 บาท
From 13,800 บาท
สั่งซื้อคลิ๊กเลย
DENON รุ่น AVR-X510 5.2 32,900 บาท
From 15,700 บาท
สั่งซื้อคลิ๊กเลย
ONKYO HT-S5700 26,900 บาท
From 18,890 บาท
สั่งซื้อคลิ๊กเลย

     
     แน่นอนเราจะไม่มีการต่อยอดจากชุดตัวอย่างข้างบนนี้นะครับ เพราะฉะนั้นการซื้อชุดระดับเริ่มต้นประเภทนี้ไม่ต้องคิดจะเอาอะไรมาต่อยอดเลย เรียนรู้เสร็จเมื่อค้นพบเส้นทางไปต่อแล้วขายทิ้งซื้อใหม่ครับ หลังจากที่เริ่มเล่นไปได้สักพักนึงทั้งอุปกรณ์ทั้งยี่ห้อที่คุณไม่รู้จักจะถาโถมเข้ามาจนกิเลสพวกท่านเกิดกันอีกรอบแน่นอนครับ (รวมทั้งกับดักรายทางเช่นของจีนหรือของสอดใส้ด้วย) เล่นแบบนี้รับรองว่าเจ็บตัวน้อยกว่าซื้อเตรียมต่อยอดในขณะที่เรายังไม่มีความรู้แน่นอนครับ แล้วเมื่อสั่งสมประสบการณ์ไปได้สักพักนึงแล้วเดี๋ยวท่านจะมีคำตอบเองว่าจะเดินต่อไปในเส้นทางไหนดี

     เป็นยังไงกันบ้างครับกับบทความพื้นๆอ่านง่ายๆในการเลือกของไม่ให้เจ็บตัว พอจะเห็นภาพตามกันบ้างหรือยัง ไว้พบกันใหม่บทความหน้าเกี่ยวกับการเริ่มต้นอย่างไรไม่ให้เจ็บตัวของกลุ่ม "นักฟังเพลง" กันครับ

     สุดท้ายขอฝากสาย HDMI ระดับโลกจาก Wireworld ไว้เป็นทางเลือกของนักเล่น Home Theater ด้วยครับ มีราคาตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับ HIEND กันเลยทีเดียวแหละครับ อย่าคิดว่าของ HIEND ราคาจับต้องไม่ได้นะครับ ของจีนขายแพงกว่ามีเยอะแยะไป

  PIONEER BDP-LX58 Blueray 4K 20,990 บาท
From 19,580 บาท
สั่งซื้อคลิ๊กเลย

0 comments :

[Knowledge] เล็กๆไม่ ต้องใหญ่ๆเท่านั้น !! คิดถูกแล้วจริงหรือ ???



     "เล็กๆไม่ใหญ่ๆเอา" เป็นวลียอดฮิตสำหรับวงการเครื่องเสียงจริงๆ ในการเลือกสายสักเส้นนึก นักเล่นส่วนมากจะคิดว่าเอาใหญ่ไว้ก่อน ใหญ่ดีกว่าเล็กแน่นอน ใหญ่ต้องเสียงดีกว่า ใหญ่กว่า มีน้ำหนักมากกว่า วันนี้จะพูดให้ฟังว่าจริงมั้ยกับโปรโยคประเภท "เค้าว่ามา"




     ทองแดงนั้นมีหลายประเภท ทั้งทองแดงผสม, ทองแดงบริสุทธิ์, ทองแดงปลอดออกซิเจน (OFC), ทองแดงผลึกเดี่ยว (OCC) และมีอีกหลายกระบวนการในการ Cast ทองแดงอีกมากมายแต่หลักๆที่จะพูดุถึงเอาเท่านี้ดีกว่าจำกันง่ายๆ
     
     คนส่วนใหญ่สนใจขนาดมากกว่าคุณภาพ (Size is better than Quality) ซึ่งมันเป็นประโยคที่ไม่จริง การจะเลือกอะไรอย่างนึงนั้นจะต้องคำนึงถึงคุณภาพเป็นอันดับแรก หลายคนสนใจแต่ขนาดแต่ลืมดูคุณภาพว่าทองแดงที่ใช้มันอยู่ในคุณภาพระดับไหน บนตัวสายสกรีน OFC, OCC มาแต่ราคาเมตรละ 10 บาท อย่างนี้มันเชื่อได้มั้ยว่าเป็น OFC หรือ OCC เพราะสายอยากสกรีนอะไรเค้าก็จัดให้ได้ บางคนจะเอาใหญ่เข้าว่าเล่นสายราคา 4-500 บาทต่อเมตรแต่เอามามัดรวมใหญ่ๆ ต่อแบบ 4 เส้นต่อขั้วเอาให้ได้เนื้อทองแดงมากที่สุดสุดท้ายแล้วลงทุนไปร่วมๆหมื่นบาทสำหรับสายลำโพงเกรด "500 บาท" เชื่อผมมั้ยครับว่า สายลำโพงที่มีค่าตัวแพงกว่าเสียงดีกว่าแน่นอน (ยกตัวอย่างกรณียี่ห้อเดียวกันแต่คนละรุ่นนะครับ) ต่อให้เสียบแบบพื้นๆ Single Wire ธรรมดาสามัญเลยก็ได้ 

     กลับมาถึงด้านสายเส้นเล็กเกินไปกันบ้าง มีทฤษฎีของวงการเครื่องเสียงอันนึงบอกว่าสายจะต้องเล็กและบางที่สุดเพื่อที่จะให้ถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างตรงไปตรงมาแบบเป็นธรรมชาติไม่มีการปรุงแต่งใดๆทั้งสิ้น สายจะเล็กบางระดับเส้นผมเลยทีเดียวสะกิดนิดเป็นหัก ทั้งนี้ทั้งนั้นการจะออกแบบสายขึ้นมาเส้นนึง มันต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ณ ตำแหน่งนั้นกินกระแสไฟเท่าไรตั้งแต่ min ไปจนถึง max รวมทั้งกระแส peak ด้วย เพราะฉะนั้นถ้าคิดว่าสายขนาดเท่าเส้นผมรองรับกำลังขับแบบ 5000 Watt PMPO ได้ หรือ 300 Watt แบบ Continuous ได้เราก็คงต้องมารื้อทฤษฎีทางไฟฟ้ากันใหม่หมดแล้วหละ

     สรุปการเลือกสายนั้น เลือกที่คุณภาพมาก่อนจากผู้ผลิตที่ชื่อดังไว้ใจได้และเมื่อสายที่คุณภาพเท่ากันแล้วขนาดสายที่ใหญ่กว่า มักจะมีเสียงที่ดีกว่าแต่ไม่เสมอไป


"ใหญ่แต่ไร้คุณภาพก็ไร้ประโยชน์ ถึงมีคุณภาพแต่เล็กเกินไปก็ไม่ดี"

สาบานได้ว่าพูดถึงสาย 555

Irene Audio 
Line: cchalerm


0 comments :

[General] พาเที่ยวห้าง Yodobashi ย่าน Akihabara Tokyo เยี่ยมชมโซนขายเครื่องเสียง (ฉบับฆ่าเวลา)


     วันศุกร์แล้วจ้า เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการทำงานมั้ย วันนี้เราไปเที่ยวกันดีกว่าครับ วันนี้จะพาไปเที่ยวชมเครื่องเสียงที่โตเกียวกันหน่อยดีกว่า ดูว่าร้านขายเครื่องเสียงบ้านเค้ากับบ้านเรามันแตกต่างกันอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมากันเลย ที่นี่คือห้าง Yodobashi ซึ่งตั้งอยู่ในย่าน Akihabara ที่เป็นแหล่งรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าแทบทุกชนิดก็ขายอยู่ที่นี่แหละฟังดูเหมือนเป็นสวรรค์นะเพราะมีอะไรแปลกๆที่ประเทศไทยไม่มีเยอะเลยแต่ขอโทษจ้าที่นี่ใช้ไฟ 110v จ้าอดไปตามระเบียบ ถ้าใครนึกภาพไม่ออกว่าห้างมันจะหน้าตาเป็นยังไง ผมนิยามห้างนี้ได้ง่ายๆเลยครับ หน้าตามันเหมือนร้านเจ้เล้งดอนเมืองนั่นเอง คาดว่าเจ้คงไปได้แรงบันดาลใจมากจากที่นี่แหละ 

ทางเข้า
เรียงกันแบบนี้เลยแคบๆ ใช้พื้นที่ประหยัดสุดๆ
โซนนาฬิกา Hiend นึกถึงบ้านเราขาย IWC ในร้านเจ้เล้งสิ 5555
สวรรค์สำหรับสาวก Olympus บ้านเราไม่มีขายเยอะขนาดนี้นะเนี่ย
Leica มีเป็นบูทใหญ่โตอลังการงานสร้าง

     หลังจากใช้เวลาเดินนานมากร่วมๆ 2 ชม.ได้ก็เดินมาเจอมุมที่ขายเครื่องเสียงซะที สิ่งที่คาดหวังไว้กับสิ่งที่เห็นมันช่างแตกต่างกันซะเหลือเกินแต่ด้วยข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่ใจกลางกรุงโตเกียวร้านค้าต่างๆก็มีพื้นที่เล็กๆแบบนี้แหละทำให้ชุดเครื่องเสียง Hiend ถูกยัดมากองๆเรียงติดกันชนิดที่ว่าทำร้ายจิตใจชาว Audiophile ซะเหลือเกิน (แหม่ Power buy บ้านเรายังมีที่ว่างมากกว่านี้เลยจ้า)

ที่เห็นวางเรียงๆกันแบบนี้ นี่คือให้ฟังอย่างนี้เลยนะครับ

อย่าคิดว่าจะได้เจอห้องฟังสุดอลังการเหมือนเมืองไทย
       พวกยี่ห้อ Hiend อย่าง Accuphase, Luxman, B&W, Esoteric, Mcintosh และอื่นๆนี่ขายที่นี่หมดนะครับจะไม่เหมือนบ้านเราที่ของ Hiend จะแยกไปขายร้านเฉพาะทาง แต่ที่นี่ก็น่าจะมีร้านเฉพาะทางอยู่เหมือนกันแต่เดินหาไม่เจอก็เลยไม่ได้เก็บภาพมาฝาก

Primare บ้านเราไม่ค่อยดังที่ญี่ปุ่นขายกันเยอะ
นี่นะครับ CD Player เครื่องละสองแสนบาทเค้าขายกันแบบนี้ 555
ชั้นวางสวยๆเพียบ

     สาย Wireworld ที่นี่นิยมมากครับ ถูกสถาปนาให้ไปอยู่ในตู้ดิสเพลย์บานใหญ่ที่หาเจอได้ง่าย และตู้ด้านล่างที่หยิบคล่องเหมาพื้นที่หลายตู้ทีเดียวเชียว (ที่มาดูเพราะอยากเห็นนี่แหละ เห็นบอกว่ายอดขายที่ญี่ปุ่นนี่ถล่มทลายเลย)






     สายลำโพง Wireworld Solstice 7 ก็มีวางโชว์ไว้พร้อมตัดขาย ที่ญี่ปุ่นขายเมตรละ 2,610 เยน ไม่รวม Vat 8% ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณแปดร้อยกว่าบาท ซื้อที่ไทยถูกกว่าอีก


Accesories มีเยอะมากมาย



     สิ่งที่ไม่ชอบที่ญี่ปุ่นอย่างนึงคือการตกแต่งและการโฆษณาจะเป็นสไลต์ญี่ปุ่นจ๋า คือตัวหนังสือเยอะๆ แน่นๆ เต็มๆ ทำให้บางทีดูอะไรแล้วตาลายมากๆครับ ยิ่งของเยอะจัดๆวางติดๆกันเหมือนห้างนี้ต้องเดินเข้าไปเพ่งเลยหละครับ


     เป็นไงกันบ้างครับ เล่าให้ฟังอ่านเล่นกันเพลินๆ พักสมอง 3 นาทีจบ กลับมาเจอร้านเครื่องเสียงบ้านเรานี่อลังการงานสร้างกว่าเยอะเลย ขออภัยหากรูปน้อยไปหน่อยเพราะของมันละลานตามากจนเรียกว่าไม่มีเวลามาสนใจการถ่ายรูปเลยครับเสียเวลากับที่นี่ไปร่วมๆ 3 ชม.ได้  

TGIF เที่ยววันศุกร์ให้สนุก จะดื่มเหล้าอย่าเอารถไปนะครับ

แล้วเจอกันใหม่ครับ สวัสดี
10 ก.ค. 58 

Irene Audio 
Line: cchalerm

 

0 comments :