Deal of The Day !!!

[Knowledge] RCA และ XLR ต่างกันจริงหรือ? และอันไหนดีกว่ากัน

http://hyperurl.co/xjsoll

     สวัสดีครับ ไม่ได้เขียนซะนานวันนี้อยู่ว่างๆนึกถึงเรื่องนี้เลยเขียนมาให้อ่านกัน เชื่อว่าหลายคนต้องสงสัยหรือตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ๆว่าเวลาเราเลือกสายหัว RCA หรือ XLR ดีกว่ากัน อยากรู้แล้วใช่ไหมครับ ไปอ่านกันเลย

     ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า วงจร Unbalance (ขั้วต่อ RCA) และ วงจร Balance (ขั้วต่อ XLR) นั้นมีความแตกต่างกันในทางไฟฟ้าแน่ๆครับ ซึ่ง XLR จะใช้ในการเดินสายไกลๆเนื่องจากส่งสัญญาณได้ดีกว่าแต่บทความนี้ขอพูดเกี่ยวกับเฉพาะเครื่องเสียงนะครับ ขออนุญาติใช้คำว่า RCA แทน วงจร unbalance และขั้วต่อ รวมถึง XLR แทนวงจร balance และขั้วต่อ เพื่อความง่ายต่อการอ่านครับ

     สายสัญญาณในรุ่นเดียวกันบางทีจะมีทั้งขั้วต่อ RCA และ XLR มีทั้งคนที่บอกว่าเสียงเหมือนกัน เสียงไม่เหมือนกัน RCA ฟังแล้วเพราะกว่า XLR ฟังแล้ววงใหญ่กว่า อันนี้เรามาวิเคราะห์ความต่างของสองสิ่งนี้กันดีกว่าครับ

1. ขั้วต่อ RCA มักจะมีของคุณภาพดีกว่า อันนี้เป็นเรื่องจริงครับ ทั้งหัวและขั้วต่อ RCA มีของที่คุณภาพดีกว่า XLR ในท้องตลาดเยอะแยะมากมาย ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าเป็นส่วนนึงที่ทำให้เสียงจากสาย RCA ดีกว่าในสายบางเส้น และในเครื่องเล่นเครื่องเดียวกัน คุณภาพของขั้ว RCA และ XLR ก็ไม่เท่ากัน

2. เครื่องเล่นมีทั้ง Balance แท้และ Balance เทียม สองอันนี้ต่างกันยังไง Balance แท้ก็คือวงจรที่รองรับการเชื่อมต่อแบบ XLR + - gnd สามเส้น ซึ่งสัญญาณจะถูกนำมาเปรียบเทียบกันก่อนนำไปใช้ ส่วนวงจร Balance เทียมคือเอาเฉพาะ + gnd ของ XLR มาใช้เท่านั้น ซึ่งวงจรปลายทางเป็นวงจร unbalance การต่อลักษณะนี้เทียบได้เท่ากับการต่อวงจร unbalance แต่ใช้ connector XLR นั่นเอง

ว่ากันตามทฤษฎีให้ตัวแปรทุกอย่างมีค่าเท่ากัน เช่น สาย หัวปลั๊ก ขั้วต่อ มีคุณภาพเท่ากัน XLR จะมีการลดทอนที่น้อยกว่า RCA อย่างแน่นอน

3. ข้อนี้สำคัญสุด สายที่ใช้สำหรับวงจร unbalance จะมีสองเส้นคือ (+, gnd) ส่วน balance มีสามเส้น (+, -, gnd) จุดใหญ่ๆจุดนึงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดจากการที่เคยแกะสายหลายๆอันออกมาพบว่า สายทั้ง RCA และ XLR ใช้สายเส้นเดียวกัน มีใส้ในสามเส้น แต่ RCA นำสายทั้ง +, - มารวบเข้าด้วยกันทำเป็น + จุดนี้แหละครับที่ทำให้แตกต่างกัน แตกต่างกันตรงไหนผู้อ่านทราบมั้ยครับ?

การนำสายสองเส้นมาต่อขนานกันเท่ากับการนำ resistor มาต่อขนานกันทำให้ค่า resistance ลดลงครึ่งนึง และค่า capacitance เพิ่มขึ้น ยิ่งพูดเดี๋ยวจะยิ่งงงเอาเป็นว่าจุดนี้แหละครับ ที่ทำให้สายหลายๆเส้น RCA และ XLR เสียงไม่เหมือนกัน

     สรุปทั้ง RCA และ XLR มีจุดหลายๆจุดที่แตกต่างกันมากมาย จึงทำให้เกิดเสียงที่แตกต่างกัน แต่จะให้สรุปว่าอย่างไหนดีกว่ากัน ผมคงสรุปได้ว่าอันที่คุณภาพอุปกรณ์ดีกว่า "น่าจะ" เสียงดีกว่า แต่สุดท้ายยังไงก็ต้องตัดสินจากการฟังอยู่ดีครับ

Irene Audio 
Online Store: www.ireneaudio.com/shop
Line: cchalerm

www.ireneaudio.comhttp://line.me/ti/p/WkEwlLUmW_www.ireneaudio.com/shop

0 comments :

[Sale] รวมสินค้าลดกระหน่ำราคาพิเศษ Online Sale Festival 10-12 ธ.ค. 58

http://goo.gl/eC1BRd

     วันที่ 10-12 ธ.ค.58 จะเป็นวัน Sale ถล่มทลายของ Lazada Online Store ทั่วโลก วันนี้เราจึงนำสินค้าที่คิดว่าลดราคาถูกสุดๆ และราคาพิเศษที่หาซื้อได้วันนี้วันเดียวเท่านั้นมาให้เลือกซื้อกัน เน้นย้ำว่ามันเป็นวัน Online Sale เพราะฉะนั้นจะต้องสั่งซื้อผ่านช่องทาง Online Store เท่านั้น อย่ามัวเสียเวลาถ้าพร้อมแล้วไปกันเลยดีกว่า !!!

Onkyo HT-S3700 และ HT-S5805 Home Theater รุ่นยอดนิยม !! 


http://ho.lazada.co.th/SHEG3B



http://ho.lazada.co.th/SHEG4T

ปลั๊กกรองไฟ Monster Green Power HT 800G+


http://ho.lazada.co.th/SHEG4f
เครื่องเล่น Bluray ยอดนิยมจาก Pioneer ลดราคาพิเศษสุดๆ !!!


http://ho.lazada.co.th/SHEG9X
บ้าไปแล้ว ทีวี LED 42" ความคมชัดระดับ Full HD ราคาแค่หมื่นเดียว !!!

http://ho.lazada.co.th/SHEGGN
อะไรนะลำโพง JBL Docking
ลดเหลือแค่ 1990 บาท !!! ราคานี้มันบ้าไปแล้ว


http://ho.lazada.co.th/SHEGN1

แล้วชุดเครื่องเสียงจาก Yamaha พร้อมลำโพง ราคาแค่นี้เองจริงๆ !!!

http://ho.lazada.co.th/SHEGQR

0 comments :

[General] ไสยศาสตร์เครื่องเสียง


     เรื่องราวลึกลับของวงการเครื่องเสียง เชื่อว่าหลายคนน่าจะได้ยินมากันบ้างเกี่ยวกับการเล่นอะไรแปลกๆ ที่ทำให้เสียงเปลี่ยนไปอย่างเช่น กลับหัวรีโมทกดแล้วเสียงไม่เหมือนกัน เอานิ้วโป้งกดรีโมทให้เสียงที่อิ่มกว่า นิ้วก้อยกดให้เสียงที่ใสกว่า เอาอิฐวางทับเครื่องเสียงที่ได้นิ่งขึ้น เอาถ้วยปลุกเสกวางรอบห้องแล้วเสียงดีขึ้น และวิธีการอื่นๆอีกมากมายซึ่งผมเรียกมันว่าไสยศาสตร์เครื่องเสียง

     ส่วนตัวผมไม่ได้แอนตี้คนที่เชื่อเรื่องพวกนี้แต่ส่วนตัวไม่ได้ให้ความสำคัญกับอะไรแบบนี้มากนัก เพราะเชื่อว่าสิ่งที่แก้ได้ชัดเจนเป็นรูปธรรมในซิสเต็มมันมีให้แก้อีกเยอะ การมานั่งจับผิดในซิสเต็มคงไม่ได้เป็นอะไรที่ให้ความเพลิดเพลินในการฟังเพลงมากเท่าไรนักสำหรับผม

     เสียงที่ออกมาจากลำโพงมีการก้องสะท้อน เพราะงั้นการที่เราเอาอะไรไปวางไว้ในจุดต่างๆ ย่อมมีผลทำให้เสียงเปลี่ยนไปซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าว่ากันตามหลักการของการสะท้อนเสียง แต่เสียงจะดีขึ้นหรือเปล่านั้นเป็นอีกเรื่องนึง แม้กระทั่งการจัดวางรูปแบบเครื่องเสียงใหม่ย่อมทำใหัการสะท้อนภายในห้องเปลี่ยนไปแน่นอน เชื่อไหมว่านักรีวิวหูทองหลายท่าน รีวิวเรื่องพวกนี้กันไว้เยอะแยะมากมาย แต่มีสิ่งนึงที่ผมไม่เห็นมีใครรีวิวไว้ และเป็นสิ่งที่ผมคิดว่าถ้าหลงไหลในไสยศาสตร์เครื่องเสียงจริง ทำไมตัวแปรนี้ถึงไม่ถูกยกมารีวิว เพราะเป็นตัวแปรที่มีผลต่อการสะท้องเสียงเป็นอย่างมากและมากที่สุด อ่านมาถึงตรงนี้มีใครพอจะเดาได้มั้ยครับว่าคืออะไร ติ๊กต่อกๆ..... หมดเวลา ตัวแปรที่ว่านั้นคือ 

"ผู้ฟังในห้อง"

     ลองนึกตามผมนะครับ สิ่งเล็กๆเช่นถ้วยมหัศจรรย์ ลูกบาศก์ไม้วิเศษ อิฐทับเครื่อง การกดปุ่มรีโมทด้วยนิ้วคนละนิ้ว(สุดยอดไปเลย) หรือแม้กระทั่งการเอาเทปดำไปปิดรูรับ infrared ของเครื่อง ยังทำให้นักรีวิวหูทองเหล่านี้ฟังออก แต่ทำไมคนทั้งคนที่ตัวใหญ่มาก มาอยู่ในห้องฟัง ฟังกันกี่คนยืนเรียงกันยังไง ทำไมไม่มีคนเอามารีวิวแบบ "มีเพื่อนสองคนนั่งฟังข้างๆเสียงดีกว่าเพื่อนคนเดียว" "ฟังกับคนตัวใหญ่เสียงดีกว่าคนตัวเล็ก" "มีคนยืนข้างหลังเสียงดีกว่านั่งข้างๆ" เป็นเรื่องที่แปลกดีมั้ยครับ

     ผมกล้าพูดเลยว่าการที่มีคนมายืนฟัง นั่งฟังในห้องเดียวกับเรา เป็นตัวแปรที่ทำให้การสะท้อนในห้องเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน พูดกันตามหลักการสะท้อนเสียง การดูดซับเสียง เมื่อมีคนมายืนข้างหลังเราเสียงที่สะท้อนไปหลังห้องก่อนสะท้อนกลับมาเข้าหูเรา คลื่นความถี่บางช่วงย่อมถูกคนที่ยืนบังอยู่ข้างหลังดูดซับไว้ เรื่องนี้เป็น "วิทยาศาสตร์" ไม่ใช่ "ไสยศาสตร์" ชัดเจนอธิบายได้ มีหลักการ มีการทดสอบได้ด้วยเครื่องมือทางวิศวกรรม การนั่งฟังคนเดียวกับฟังกับเพื่อนหลายๆคนเสียงที่ได้ควรจะต่างกันอย่างรู้สึกได้

     น่าแปลกที่ไม่มีเคยมีใครรีวิวเรื่องนี้ทั้งๆที่มันน่าจะฟังออกง่ายกว่าการใช้นิ้วต่างๆกดรีโมทเสียอีก ก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้ว "....(เว้นไว้ให้คิดกันเอาเอง)...." ก็ไม่รู้สินะ

Irene Audio 
Online Store: www.ireneaudio.com/shop
Line: cchalerm

www.ireneaudio.comhttp://line.me/ti/p/WkEwlLUmW_www.ireneaudio.com/shop

0 comments :

[Knowledge] เปลี่ยนปลั๊กไฟ เสียงดีขึ้นจริงหรือ !!?


     เปลี่ยนปลั๊กไฟช่วยให้เสียงดีจริงหรือ? เป็นคำถามที่อาจฟังดูแปลกๆ แต่ตอบได้เลยสั้นๆง่ายๆครับว่า "จริง" จริงแบบไม่ต้องเพ่ง ไม่ต้องเทียบ ไม่ต้องนั่งฟังจับผิด ไม่ต้อง A/B Test แค่ของที่เปลี่ยนเข้าไปคุณภาพดีกว่าของเดิม เสียงก็ดีขึ้นแบบไม่ต้องลงทุนมากมาย

     ประโยชน์ของการเปลี่ยนปลั๊กไฟคือ ทำให้เสียงที่ได้มีน้ำหนัก มีพลังมากขึ้น มีความชัดเจน จะแจ้งไม่ฟุ้งไม่เบลอ ทั้งนั้นทั้งนั้นขึ้นอยู่กับคุณภาพของที่ใช้ทำปลั๊กไฟด้วย เช่น ปลั๊ก สายไฟ สวิตซ์ IEC หรือแม้กระทั่งเทคนิคการไวริ่งสายภายใน

     แล้วแบบไหนถึงจะดี ปลั๊กไฟในตลาดมีมากมาย ทั้งบล๊อกไม้ กล่องเหล็ก กล่องอลูมิเนียม ปลั๊กกรองไฟ ทั้งของแบรนด์ต่างประเทศอย่าง Shunyata, PS Adio, Monster และอื่นๆ รวมทั้งของไทยหลายๆยี่ห้อ ก็มีทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป ส่วนตัวเคยลองหลายยี่ห้อก็ให้เสียงที่แตกต่างกัน เรื่องคุณภาพนั้นถ้าเป็นบริษัทดังๆก็ให้คุณภาพเป็นที่น่าพอใจ แต่ก็ยังไม่ถูกใจในบางเรื่อง ก็เวียนเปลี่ยนหมุนเวียนลองกันไป และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันมักจะไม่มีสวิตซ์ปิดเปิด !!! และราคาแพงสุดกู่




     จากความไม่พอใจ ดลบันดาลให้มาทำใช้เสียเอง การทำใช้เองมีดีตรงที่เราสามารถกำหนดรูปร่างและวัสดุที่จะนำมาใช้รวมถึงคุณสมบัติต่างๆที่อยากจะให้มีเช่น อยากให้มีสวิตซ์เปิดปิดแยก อยากได้บอดี้อลูมิเนียมไม่อยากได้บล๊อกไม้ อยากได้สายไฟข้างในดีๆ อยากได้ IEC ดีๆ สรุปอยากได้ทุกอย่างตามใจตัวเองนั่นแหละเป็นที่มาของการต้องทำใช้เอง

     จากความต้องการของผม การผลิตชิ้นเดียวเพื่อมาใช้เองเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย เนื่องจากต้องจ้างโรงงานทำกล่องอลูมิเนียมให้ ดังนั้นการสั่งทำคือต้องสั่งในปริมาณมากๆ ก็เลยมีแนวคิดที่ว่างั้นเราทำของดีๆแล้วเอามาขายแบ่งกันใช้ในราคาย่อมเยาก็น่าจะดีกว่า

     จะเล่าประวัติคร่าวๆของปลั๊กไฟที่ผมออกแบบและทำใช้เองมาเมื่อหลายปีก่อน เริ่มจากความต้องการของปลั๊กไฟที่ไม่มีในท้องตลาด ผมกำหนดคุณสมบัติไว้ดังนี้
  • บอดี้ต้องเป็นอลูมิเนียม
  • ต้องมีสวิตซ์ปิดเปิดแยกและเกรดดีที่สุดเท่าที่จะหาได้
  • สายไฟภายในต้องใช้เกรดดีที่สุดในงบประมาณที่ไม่แพงเกินไป
  • ต้องเปลี่ยนสายไฟได้ (ใช้ IEC inlet)
  • ต้องออกแบบให้สามารถถอดออกมาเปลี่ยนอุปกรณ์ข้างในได้โดยง่าย
     จากคุณสมบัติข้างบนนี้ก็งานช้างเลยครับ เราต้องเขียนแบบเองเพื่อไปจ้างโรงงานผลิตในปริมาณมากๆ ต้องไปตามหาอุปกรณ์ภายในที่มีขายทั้งในและต่างประเทศ ต้องเขียนแบบการ Wiring เพื่อให้กระแสไฟฟ้ามาได้อย่างเต็มที่ไม่มีอั้น ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจริงเมื่อปี 2010 เป็นรุ่นแรก และก็มีการพัฒนาต่อมาเรื่อยๆจนบัดนี้ ปลั๊กได้ขายไปมากกว่า 500 กล่อง

"โดยไม่มีลูกค้าคนไหนเอากลับมาลงขายมือสองเลยแม้แต่คนเดียว"

     ณ วันนี้ปี 2015 product รุ่นล่าสุด Gen 5 ก็ได้เปิดตัวออกมาพร้อมให้นักเล่นทั้งหลายได้เป็นเจ้าของแล้ว จะซื้อไปใช้กับเครื่องเสียงก็ดี หรือแม้กระทั่งซื้อไปใช้ทั่วไปก็ยังได้ เพราะเราทำราคาไม่แพงเลย บอดี้อลูมิเนียมชุบอโนไดซ์แข็งแรงสวยงาม ปลั๊กเสียบได้อย่างแน่นหนาทุกช่อง สายไฟภายในจาก Lapp Kabel จากเยอรมัน สวิตซ์เกรด A แบบแพงที่สุดเท่าที่จะหาได้ในท้องตลาด IEC คุณภาพสูง ทั้งหมดนี้พร้อมให้คุณได้เป็นเจ้าของแล้วครับ


Irene Audio - The Power Outlet 6

https://goo.gl/NLqCWZ

https://goo.gl/NLqCWZ

https://goo.gl/NLqCWZ

https://goo.gl/NLqCWZ

https://goo.gl/NLqCWZ



http://smarturl.it/shop-ireneaudio

http://smarturl.it/shop-ireneaudio



Irene Audio 
Online Store: www.ireneaudio.com/shop
Line: cchalerm

www.ireneaudio.comhttp://line.me/ti/p/WkEwlLUmW_www.ireneaudio.com/shop

https://www.citibank.co.th/th/mc/index.html?icid=CC045T

0 comments :

[General] Brand Respect


     Brand Respect คืออะไร คำๆนี้เป็นศัพท์ที่ไม่ได้ใช้กันแพร่หลายทั่วไปแต่ผมตั้งใช้ขึ้นมาเพื่อให้ความเคารพในการออกแบบของแต่ละแบรนด์นั้นๆ ผมเป็นคนที่ค่อนข้างให้ความสำคัญกับตัวตนและบุคลิกเฉพาะตัวของเครื่องเล่นแต่ละชนิดไม่ว่าจะเป็น CD Player, Turn Table, DAC, Pre Amplifier, Power Amplifier หรือแม้กระทั่ง Integrated Amplifier สิ่งที่เจ้าของแบรนด์หรือนักออกแบบนำเสนอให้เราเปรียบได้กับรอาหารถึงแม้ว่ามันจะไม่ถูกปากเราแต่เราก็ควรให้ความเคารพในสิ่งที่เค้าต้องการจะนำเสนอ

     การเปลี่ยนแปลงบุคลิกของเครื่องเสียงโดยการโมดิฟายแก้ไขหรือดัดแปลงล้วนเป็นสิ่งที่นักเล่นเครื่องเสียงหลายท่านอาจจะเคยผ่านมาแล้ว ทั้งการเปลี่ยนสายไฟในเครื่อง เปลี่ยนท้าย IEC เปลี่ยนฟิวส์ เปลี่ยน Cap เพื่อให้ได้เสียงที่ดีขึ้น สิ่งเล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ผมไม่ชอบเอาซะเลย ตัวตนของเครื่องที่เจ้าของและนักออกแบบตั้งใจทำออกมาเพื่อนำเสนอให้เราฟัง ถูกดัดแปลงแก้ไขไปสู่สิ่งที่เจ้าของต้องการ


      ยกตัวอย่างจากแอมป์ Accuphase ใครเป็นที่ยกย่องในเรื่องความ หวาน นุ่น ละมุนละไม ฟังเพลินเบาบางสบาย ซึ่งเป็นเสียงที่ Accuphase ได้นำเสนอและเป็นตัวตนของ Accuphase มาอย่างยาวนาน หากแอมป์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเช่นนี้จะต้องถูกโมดิฟายโดนการเปลี่ยนฟิวส์เพื่อให้ได้เสียงที่หนักแน่น อิ่มหนายิ่งขึ้น หรือ เปลี่ยน Cap และสายไฟในเครื่อง เบื่อให้ได้เสียงเบสอิ่มเอิบมากขึ้น การกระทำเหล่านั้นจะมีประโยชน์อะไรหากทำให้ Accuphase สูญเสียตัวตนไปอย่างสิ้นเชิง ผมมักจะตั้งคำถามต่อการกระทำเหล่านี้เสมอว่า

"แล้วจะซื้อ Accuphase มาทำไม?"
 
     แม้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นสิทธิ์ของเจ้าของที่จะทำอะไรก็ได้ แต่ผมนิยมชบชอบแนวทางการเล่นที่นำสิ่งที่นักออกแบบนำเสนอ มาใช้ให้เต็มประสิทธิภาพเสียมากกว่า ถ้าไม่ชอบก็ขายไปหาแบรนด์อื่นมาเล่นแทนซะดีกว่า

Irene Audio 
Line: cchalerm

0 comments :

[Knowledge] มือใหม่เริ่มเล่นอย่างไรไม่ให้เจ็บตัว (ภาค Home Theater)


     เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีรุ่นพี่ที่เคยเรียนคณะเดียวกันมาปรึกษาเรื่อง อยากได้ชุดโฮมเธียเตอร์ระดับเริ่มต้นซักชุดนึง แต่มีให้เลือกเยอะแยะไปหมดไม่รู้จะเลือกอย่างไรดี เอาล่ะวันนี้ผมจะมาแนะนำการเริ่มเล่นในสไตล์ที่เรียกว่า "ไม่ได้ดีที่สุด แต่ไม่เจ็บตัว" ให้ฟังกัน

     ในบทความนี้เราจะเริ่มต้นกันที่ชุด Home Theater ก่อนนะครับ เอาละสมมติว่าเรามีงบประมาณกันซัก 4-5 หมื่นบาทเราจะเริ่มกันยังไงดี เราจะโยนซิสเต็มมูลค่า 5 หมื่นบาทให้เค้าไปเลยมั้ย หรือเราจะค่อยๆเริ่มดี เพราะยิ่งดูเยอะยิ่งมีตัวเลือกเยอะ ยิ่งดูยิ่งอยากได้ ยิ่งดูยิ่งรู้ยิ่งมีอะไรมายั่วยวนใจให้เสียเงินทุกที

     สิ่งแรกที่ควรทำคือ "ถามตัวเองก่อนว่าจะอยู่ในวงการเครื่องเสียงโฮมเธียเตอร์ต่อไปในฐานะนักเล่นเครื่องเสียงหรือเพียงต้องการชุดดูหนังสักชุดนึงโดยที่จะไม่หันกลับมามองข่าวสารอะไรในวงการนี้อีกและจะไม่จ่ายเงินลงมาเกินจากงบแล้ว" หากคำตอบเป็นอย่างหลังผมก็ไม่ลังเลที่จะจับชุดที่ดีที่สุดเท่าที่งบประมาณที่ให้มาจะจัดให้ได้ (รับปากแล้วนะว่าจะไม่ดูไม่ซื้ออะไรอีก) แต่ถ้าหากเป็นอย่างแรกเรามาดูขั้นตอนต่อไปกันครับ

     ขั้นตอนที่สอง "เลือกก่อนว่าสิ่งที่ต้องการมีอะไรบ้าง" เช่น อยากดู Blue Ray อยากดู 3D อยากดูความชัดระดับ 4K อยากเล่นกล่อง Android ณ ปัจจุบันที่เขียนคือปี พ.ศ. 2559 ซึ่งระบบภาพที่ดีที่สุด ณ วันนี้คือจอความชัดระดับ 4K และระบบเสียง Dolby Atmos ซึ่งเป็นระบบเสียงมาตรฐานใหม่ล่าสุดที่พึ่งคลอดออกมา แต่จะเกิดหรือจะดับอันนี้ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์


     ขั้นตอนที่สาม "เลือกของตลาด" ถึงตอนนี้หลายคนคงจะงงกับขั้นตอนนี้แล้วว่าทำไมต้องเลือกของตลาด ผมให้เหตุผลไว้แบบนี้ครับ ในวันที่เรายังเป็นมือใหม่ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างอีกมากมายที่เรายังไม่มีความรู้และเราอาจจะยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการจริงๆ ดังนั้นการลองเล่นให้ไม่เจ็บตัวมากนักคือ ซื้อของตลาดๆที่คนอื่นเค้าเล่นกันทั่วไปอย่างเช่นยี่ห้อ Onkyo, Yamaha, Denon ซึ่งเป็นชุดระดับเริ่มต้นที่จัดอยู่ในคุณภาพระดับ "ยอมรับได้" เมื่อเทียบกับราคาที่จ่ายไป การเล่นของตลาดมีข้อดีคือการขายต่อสามารถทำได้ง่าย ขาดทุนไม่มากและเป็นบทเรียนที่ราคาไม่แพงให้เราขยับต่อไปในขั้นที่สูงกว่า


"ลืมความคิดที่จะซื้อครั้งเดียวใช้ได้ยาวๆ หากคุณยังอยู่ในวงการเครื่องเสียง การขายของที่มีอยู่และหาซื้อสิ่งใหม่เป็นเรื่องที่ปกติมากๆ"

     แล้วเราจะเลือกราคาระดับไหนดีล่ะ จากประสบการณ์ส่วนตัวครับคนอยากได้กิเลสมาทุกคนไม่มีใครใจเย็นนั่งหาข้อมูลอ่านแล้วอ่านอีกหรอกจริงมั้ยครับ มีเงินอยู่ในมือแล้วอยากจะได้ของมาดูให้เร็วๆซะจริงๆ ดังนั้นในขณะที่คุณยังไม่มีความรู้และกำลังสะสมความรู้เพื่อจะก้าวต่อไป การเลือกที่ดีที่สุดในความเห็นของผมคือ เลือกของมาตรฐานที่ราคาถูกที่สุดมาใช้ก่อน หลายคนอาจจะสงสัยว่าเลือกของถูกแล้วมันจะดีเหรอมีงบตั้ง 5 หมื่นบาท ทำไมไม่ใช้ให้เต็มงบ เดี๋ยวได้ใช้แน่นอนครับไม่ต้องรีบ

     การซื้อของตลาดราคาถูกหรือชุดระดับเริ่มต้น เป้าหมายจริงๆคือเราไม่ได้ซื้อมาใช้ครับ เราซื้อมาเรียนรู้ เราจะเรียนรู้การเชื่อมต่อระบบเช่น การต่อเครื่องเล่น Bluray ไปทีวี ใช้สายประเภทไหนได้บ้าง การต่อ Blue ray ไป AVR ใช้สายประเภทไหนได้บ้างและต่ออย่างไร หรือจะ Setup ลำโพงอย่างไรให้ได้เสียงที่ดีที่สุดเท่าที่ซิสเต็มจะทำได้ ของพวกนี้มีวิธีตรงและวิธีอ้อมหลายวิธีมากครับ ถ้าอธิบายกันตั้งแต่มือใหม่ก็คงจะงงกันถ้วนหน้าและจำไม่หมดดั่งตอนเข้าห้องเรียนแล้วก็จำอะไรกันไม่ได้แน่ๆ ดังนั้นเราต้องเปลี่ยนจากการท่องจำเป็นการเรียนรู้และเข้าใจครับ ทีนี้แหละมันจะเป็นพื้นฐานติดตัวเราไปแบบที่เราไม่ต้องจำอะไรมันอีกเลย

      เพราะฉะนั้นชุดเริ่มต้นที่แนะนำเห็นจะไม่พ้นพวกชุดลำโพง Sattelite + Sub Woofer พร้อม AVR หนึ่งตัวในราคาหมื่นต้นๆ ยกตัวอย่างตามรูปข้างล่างดังต่อไปนี้

ONKYO รุ่น HT-S3700 17,900 บาท
From 13,800 บาท
สั่งซื้อคลิ๊กเลย
DENON รุ่น AVR-X510 5.2 32,900 บาท
From 15,700 บาท
สั่งซื้อคลิ๊กเลย
ONKYO HT-S5700 26,900 บาท
From 18,890 บาท
สั่งซื้อคลิ๊กเลย

     
     แน่นอนเราจะไม่มีการต่อยอดจากชุดตัวอย่างข้างบนนี้นะครับ เพราะฉะนั้นการซื้อชุดระดับเริ่มต้นประเภทนี้ไม่ต้องคิดจะเอาอะไรมาต่อยอดเลย เรียนรู้เสร็จเมื่อค้นพบเส้นทางไปต่อแล้วขายทิ้งซื้อใหม่ครับ หลังจากที่เริ่มเล่นไปได้สักพักนึงทั้งอุปกรณ์ทั้งยี่ห้อที่คุณไม่รู้จักจะถาโถมเข้ามาจนกิเลสพวกท่านเกิดกันอีกรอบแน่นอนครับ (รวมทั้งกับดักรายทางเช่นของจีนหรือของสอดใส้ด้วย) เล่นแบบนี้รับรองว่าเจ็บตัวน้อยกว่าซื้อเตรียมต่อยอดในขณะที่เรายังไม่มีความรู้แน่นอนครับ แล้วเมื่อสั่งสมประสบการณ์ไปได้สักพักนึงแล้วเดี๋ยวท่านจะมีคำตอบเองว่าจะเดินต่อไปในเส้นทางไหนดี

     เป็นยังไงกันบ้างครับกับบทความพื้นๆอ่านง่ายๆในการเลือกของไม่ให้เจ็บตัว พอจะเห็นภาพตามกันบ้างหรือยัง ไว้พบกันใหม่บทความหน้าเกี่ยวกับการเริ่มต้นอย่างไรไม่ให้เจ็บตัวของกลุ่ม "นักฟังเพลง" กันครับ

     สุดท้ายขอฝากสาย HDMI ระดับโลกจาก Wireworld ไว้เป็นทางเลือกของนักเล่น Home Theater ด้วยครับ มีราคาตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงระดับ HIEND กันเลยทีเดียวแหละครับ อย่าคิดว่าของ HIEND ราคาจับต้องไม่ได้นะครับ ของจีนขายแพงกว่ามีเยอะแยะไป

  PIONEER BDP-LX58 Blueray 4K 20,990 บาท
From 19,580 บาท
สั่งซื้อคลิ๊กเลย

0 comments :

[Knowledge] เล็กๆไม่ ต้องใหญ่ๆเท่านั้น !! คิดถูกแล้วจริงหรือ ???



     "เล็กๆไม่ใหญ่ๆเอา" เป็นวลียอดฮิตสำหรับวงการเครื่องเสียงจริงๆ ในการเลือกสายสักเส้นนึก นักเล่นส่วนมากจะคิดว่าเอาใหญ่ไว้ก่อน ใหญ่ดีกว่าเล็กแน่นอน ใหญ่ต้องเสียงดีกว่า ใหญ่กว่า มีน้ำหนักมากกว่า วันนี้จะพูดให้ฟังว่าจริงมั้ยกับโปรโยคประเภท "เค้าว่ามา"




     ทองแดงนั้นมีหลายประเภท ทั้งทองแดงผสม, ทองแดงบริสุทธิ์, ทองแดงปลอดออกซิเจน (OFC), ทองแดงผลึกเดี่ยว (OCC) และมีอีกหลายกระบวนการในการ Cast ทองแดงอีกมากมายแต่หลักๆที่จะพูดุถึงเอาเท่านี้ดีกว่าจำกันง่ายๆ
     
     คนส่วนใหญ่สนใจขนาดมากกว่าคุณภาพ (Size is better than Quality) ซึ่งมันเป็นประโยคที่ไม่จริง การจะเลือกอะไรอย่างนึงนั้นจะต้องคำนึงถึงคุณภาพเป็นอันดับแรก หลายคนสนใจแต่ขนาดแต่ลืมดูคุณภาพว่าทองแดงที่ใช้มันอยู่ในคุณภาพระดับไหน บนตัวสายสกรีน OFC, OCC มาแต่ราคาเมตรละ 10 บาท อย่างนี้มันเชื่อได้มั้ยว่าเป็น OFC หรือ OCC เพราะสายอยากสกรีนอะไรเค้าก็จัดให้ได้ บางคนจะเอาใหญ่เข้าว่าเล่นสายราคา 4-500 บาทต่อเมตรแต่เอามามัดรวมใหญ่ๆ ต่อแบบ 4 เส้นต่อขั้วเอาให้ได้เนื้อทองแดงมากที่สุดสุดท้ายแล้วลงทุนไปร่วมๆหมื่นบาทสำหรับสายลำโพงเกรด "500 บาท" เชื่อผมมั้ยครับว่า สายลำโพงที่มีค่าตัวแพงกว่าเสียงดีกว่าแน่นอน (ยกตัวอย่างกรณียี่ห้อเดียวกันแต่คนละรุ่นนะครับ) ต่อให้เสียบแบบพื้นๆ Single Wire ธรรมดาสามัญเลยก็ได้ 

     กลับมาถึงด้านสายเส้นเล็กเกินไปกันบ้าง มีทฤษฎีของวงการเครื่องเสียงอันนึงบอกว่าสายจะต้องเล็กและบางที่สุดเพื่อที่จะให้ถ่ายทอดทุกสิ่งทุกอย่างตรงไปตรงมาแบบเป็นธรรมชาติไม่มีการปรุงแต่งใดๆทั้งสิ้น สายจะเล็กบางระดับเส้นผมเลยทีเดียวสะกิดนิดเป็นหัก ทั้งนี้ทั้งนั้นการจะออกแบบสายขึ้นมาเส้นนึง มันต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานที่ว่า ณ ตำแหน่งนั้นกินกระแสไฟเท่าไรตั้งแต่ min ไปจนถึง max รวมทั้งกระแส peak ด้วย เพราะฉะนั้นถ้าคิดว่าสายขนาดเท่าเส้นผมรองรับกำลังขับแบบ 5000 Watt PMPO ได้ หรือ 300 Watt แบบ Continuous ได้เราก็คงต้องมารื้อทฤษฎีทางไฟฟ้ากันใหม่หมดแล้วหละ

     สรุปการเลือกสายนั้น เลือกที่คุณภาพมาก่อนจากผู้ผลิตที่ชื่อดังไว้ใจได้และเมื่อสายที่คุณภาพเท่ากันแล้วขนาดสายที่ใหญ่กว่า มักจะมีเสียงที่ดีกว่าแต่ไม่เสมอไป


"ใหญ่แต่ไร้คุณภาพก็ไร้ประโยชน์ ถึงมีคุณภาพแต่เล็กเกินไปก็ไม่ดี"

สาบานได้ว่าพูดถึงสาย 555

Irene Audio 
Line: cchalerm


0 comments :

[General] พาเที่ยวห้าง Yodobashi ย่าน Akihabara Tokyo เยี่ยมชมโซนขายเครื่องเสียง (ฉบับฆ่าเวลา)


     วันศุกร์แล้วจ้า เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการทำงานมั้ย วันนี้เราไปเที่ยวกันดีกว่าครับ วันนี้จะพาไปเที่ยวชมเครื่องเสียงที่โตเกียวกันหน่อยดีกว่า ดูว่าร้านขายเครื่องเสียงบ้านเค้ากับบ้านเรามันแตกต่างกันอย่างไร ถ้าพร้อมแล้วก็ตามมากันเลย ที่นี่คือห้าง Yodobashi ซึ่งตั้งอยู่ในย่าน Akihabara ที่เป็นแหล่งรวมเครื่องใช้ไฟฟ้าแทบทุกชนิดก็ขายอยู่ที่นี่แหละฟังดูเหมือนเป็นสวรรค์นะเพราะมีอะไรแปลกๆที่ประเทศไทยไม่มีเยอะเลยแต่ขอโทษจ้าที่นี่ใช้ไฟ 110v จ้าอดไปตามระเบียบ ถ้าใครนึกภาพไม่ออกว่าห้างมันจะหน้าตาเป็นยังไง ผมนิยามห้างนี้ได้ง่ายๆเลยครับ หน้าตามันเหมือนร้านเจ้เล้งดอนเมืองนั่นเอง คาดว่าเจ้คงไปได้แรงบันดาลใจมากจากที่นี่แหละ 

ทางเข้า
เรียงกันแบบนี้เลยแคบๆ ใช้พื้นที่ประหยัดสุดๆ
โซนนาฬิกา Hiend นึกถึงบ้านเราขาย IWC ในร้านเจ้เล้งสิ 5555
สวรรค์สำหรับสาวก Olympus บ้านเราไม่มีขายเยอะขนาดนี้นะเนี่ย
Leica มีเป็นบูทใหญ่โตอลังการงานสร้าง

     หลังจากใช้เวลาเดินนานมากร่วมๆ 2 ชม.ได้ก็เดินมาเจอมุมที่ขายเครื่องเสียงซะที สิ่งที่คาดหวังไว้กับสิ่งที่เห็นมันช่างแตกต่างกันซะเหลือเกินแต่ด้วยข้อจำกัดในเรื่องพื้นที่ใจกลางกรุงโตเกียวร้านค้าต่างๆก็มีพื้นที่เล็กๆแบบนี้แหละทำให้ชุดเครื่องเสียง Hiend ถูกยัดมากองๆเรียงติดกันชนิดที่ว่าทำร้ายจิตใจชาว Audiophile ซะเหลือเกิน (แหม่ Power buy บ้านเรายังมีที่ว่างมากกว่านี้เลยจ้า)

ที่เห็นวางเรียงๆกันแบบนี้ นี่คือให้ฟังอย่างนี้เลยนะครับ

อย่าคิดว่าจะได้เจอห้องฟังสุดอลังการเหมือนเมืองไทย
       พวกยี่ห้อ Hiend อย่าง Accuphase, Luxman, B&W, Esoteric, Mcintosh และอื่นๆนี่ขายที่นี่หมดนะครับจะไม่เหมือนบ้านเราที่ของ Hiend จะแยกไปขายร้านเฉพาะทาง แต่ที่นี่ก็น่าจะมีร้านเฉพาะทางอยู่เหมือนกันแต่เดินหาไม่เจอก็เลยไม่ได้เก็บภาพมาฝาก

Primare บ้านเราไม่ค่อยดังที่ญี่ปุ่นขายกันเยอะ
นี่นะครับ CD Player เครื่องละสองแสนบาทเค้าขายกันแบบนี้ 555
ชั้นวางสวยๆเพียบ

     สาย Wireworld ที่นี่นิยมมากครับ ถูกสถาปนาให้ไปอยู่ในตู้ดิสเพลย์บานใหญ่ที่หาเจอได้ง่าย และตู้ด้านล่างที่หยิบคล่องเหมาพื้นที่หลายตู้ทีเดียวเชียว (ที่มาดูเพราะอยากเห็นนี่แหละ เห็นบอกว่ายอดขายที่ญี่ปุ่นนี่ถล่มทลายเลย)






     สายลำโพง Wireworld Solstice 7 ก็มีวางโชว์ไว้พร้อมตัดขาย ที่ญี่ปุ่นขายเมตรละ 2,610 เยน ไม่รวม Vat 8% ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณแปดร้อยกว่าบาท ซื้อที่ไทยถูกกว่าอีก


Accesories มีเยอะมากมาย



     สิ่งที่ไม่ชอบที่ญี่ปุ่นอย่างนึงคือการตกแต่งและการโฆษณาจะเป็นสไลต์ญี่ปุ่นจ๋า คือตัวหนังสือเยอะๆ แน่นๆ เต็มๆ ทำให้บางทีดูอะไรแล้วตาลายมากๆครับ ยิ่งของเยอะจัดๆวางติดๆกันเหมือนห้างนี้ต้องเดินเข้าไปเพ่งเลยหละครับ


     เป็นไงกันบ้างครับ เล่าให้ฟังอ่านเล่นกันเพลินๆ พักสมอง 3 นาทีจบ กลับมาเจอร้านเครื่องเสียงบ้านเรานี่อลังการงานสร้างกว่าเยอะเลย ขออภัยหากรูปน้อยไปหน่อยเพราะของมันละลานตามากจนเรียกว่าไม่มีเวลามาสนใจการถ่ายรูปเลยครับเสียเวลากับที่นี่ไปร่วมๆ 3 ชม.ได้  

TGIF เที่ยววันศุกร์ให้สนุก จะดื่มเหล้าอย่าเอารถไปนะครับ

แล้วเจอกันใหม่ครับ สวัสดี
10 ก.ค. 58 

Irene Audio 
Line: cchalerm

 

0 comments :