Deal of The Day !!!

[Review] รีวิว สายลำโพง ซีรี่ 7 รุ่นเล็กทั้ง 4 รุ่นของ Wireworld - Horizon, Stream, Luna, Solstice

http://smarturl.it/shop-ireneaudio

     สวัสดีครับ ห่างหายกันไปพักนึงเนื่องจากอาทิตย์ที่แล้วงานเข้าหนักมาวันนี้เช้าวันเสาร์สบายๆ ก็เลยมาเขียนรีวิวให้อ่านกันอีกแล้วครับ วันนี้เราจะมารีวิวสายลำโพงรุ่นเล็กของ Wireworld ซีรี่ 7 ซึ่งเป็นซีรี่ล่าสุดของ Wireworld ให้ฟังกันว่าแต่ละตัวมีคุณสมบัติอย่างไรและควรนำไปใช้กับอะไรดี

     สายลำโพง Wireworld ทั้งหมดมีด้วยกันถึง 11 รุ่นเลยทีเดียวไล่จากเล็กไปหาใหญ่ได้แก่

1. HORIZON
2. STREAM 7
3. LUNA 7
4. SOLSTICE 7
5. OASIS 7
6. EQUINOX 7
7. MINI ECLIPSE 7
8. ECLIPSE 7
9. SILVER ECLIPSE 7
10. GOLD ECLIPSE 7
11. PLATINUM ECLIPSE 7


     ในวันนี้เราจะพูดถึงในกลุ่ม ซีรี่เล็กของ Wireworld ได้แก่ Horizon, Stream, Luna, Solstice เท่านั้นแต่จะส่งรีวิวรุ่นใหญ่ๆตามมาทีหลัง หลายคนคงสงสัยใช่ไหมครับว่าทำไมเป็นแบบนั้น คำตอบก็คือจะมีสายลำโพงแค่ 4 รุ่นเล็กเท่านั้นที่เป็นสายตัดแบ่งมาเป็นม้วน สามารถ Custom ได้ เลือกตามความยาวได้ตามต้องการ เหมาะสำหรับกลุ่มคนที่นำไปใช้กับชุดโฮมเธียเตอร์ที่ต้องการความยาวสายแต่ละเส้นตามขนาดของซิสเต็มตัวเอง เนื่องจากในซีรี่ที่สูงกว่านี้จะเป็นสายประกอบสำเร็จรูปมาจากโรงงานเลยทำให้การเลือกความยาวที่ต้องการไม่ค่อยยืดหยุ่นเหมือนสายตัดแบ่งนั่นเอง
     

     เอาละครับเกริ่นกันมาพอรู้จักสายลำโพง Wireworld กันคร่าวๆแล้วก็ไปเข้าเรื่องกันเลยครับ

http://smarturl.it/shop-ireneaudio
   
     เรามาเริ่มกันที่รุ่นที่ยอดนิยมที่สุดกันก่อนอย่าง Wireworld Solstice 7 เจ้าสายลำโพง Wireworld Solstice 7 เนี่ย เป็นสายที่มีการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์จาก Wireworld ซึ่งเรียกว่า Quad DNA Helix เป็นคุณสมบัติที่มีเฉพาะในซีรี่ 7 เท่านั้น (ซีรี่ที่เก่าลงไปอย่าง 6 สายไม่ได้เป็นแบบนี้ครับ) ที่ช่วยลด Electromagnetic (คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า) และยังช่วยลดทอนสัญญาณรบกวนได้เป็นอย่างดี




     "Close your eyes and feel the guitarist’s fingertips sliding along the strings as he prepares to strike a new chord. Hear the vocalist draw a breath before the song begins"

     สายลำโพง Wireworld Solstice 7 ให้เสียงที่มีความเปิดโปร่ง ใสสะอาด มีรายละเอียดที่ดีมาก อีกทั้งยังคงมีเสียงเบสที่กลมกล่อม นุ่มนวล โดยที่ไม่ได้รู้สึกว่าเสียงบางแต่อย่างใดทั้งๆที่สายเน้นไปในทางโทนสว่าง เหมาะกับการฟังเพลงในหลายๆรูปแบบอย่างเช่น เพลงร้อง เพลงป๊อป หรือ เพลงบอสซาโนว่า ก็ฟังได้อย่างลื่นไหลสบายหูจริงๆ สายลำโพง Wireworld Solstice 7 เป็นที่นิยมไม่ว่าจะเป็นทั้ง ชุดฟังเพลง หรือ ชุดดูหนังก็สามารถเลือกใช้เจ้าสายลำโพง Wireworld Solstice 7 มาประจำการไว้ที่ลำโพงคู่หน้าได้เช่นกัน

    
http://smarturl.it/shop-ireneaudio

     ถัดมาเป็นสายลำโพง Wireworld Luna 7 สายลำโพงเส้นนี้เป็นตัวที่ได้รางวัล What Hifi 5 ดาวแดงโดยที่ทาง What Hifi ได้ให้ Comment ไว้ดังนี้


     ด้วยราคาค่าตัวที่เรียกว่าไม่แพงเลยและเสียงที่ได้เรียกว่าใกล้เคียงกับ Wireworld Solstice 7 แทบไม่มีเลยมีเพียงน้ำหนักเสียงและเสียงเบสที่ด้อยกว่าเล็กน้อยจึงทำให้ Wireworld Luna 7 คว้ารางวัลนี้ไปนอนกอดได้อย่างง่ายดาย

     ทั้ง Wireworld Solstice 7 และ Wireworld Luna 7 ต่างก็เป็นสายลำโพงที่ให้เสียงคล้ายๆกัน ก็ต้องเลือกแล้วระหว่างเอาประหยัดก็เลือก Wireworld Luna 7 แต่ถ้าไม่ติดขัดในเรื่องงบประมาณขยับอีกเล็กน้อย (น้อยจริงๆนะ) ก็ไปเอา Solstice 7 มาเล่นเลยดีกว่าไม่ค้างคาใจ


    สายลำโพงทั้งสองรุ่น สามารถทำเป็นสาย Single Wire หรือ Bi-Wire ก็ได้


http://smarturl.it/shop-ireneaudio

     ถัดมาที่รุ่นต่อไปคือ Wireworld Stream 7 ตัวนี้นักเล่นส่วนใหญ่มักจะนำไปประจำการเป็นสาย Surround เนื่องจากเสียงที่ดีและมีราคาถูกทำให้การลากสายระดับหลายสิบเมตรไม่ใช่ปัญหา ในเรื่องงบประมาณอีกต่อไป อีกทั้งสายนี้ก็ยังสามารถนำไปใช้กับคู่หน้าที่เป็นชุดเล็กๆหรือชุดฟังเพลงเล็กๆบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย เป็นสายที่ให้เสียงที่ดีเกินตัวมากๆ อีกทั้งสายยังมีขนาดเล็กทำให้ลอดผ่านที่แคบๆได้อย่างง่ายดาย


http://smarturl.it/shop-ireneaudio 

     มาถึงรุ่นสุดท้าย Wireworld Horizon 7 สายเส้นนี้มีลักษณะไม่เหมือนรุ่นพี่ๆเนื่องจากได้รับการออกแบบมาให้เป็นสายที่แบน สามารถเดินสายลอดได้พรมได้โดยที่เดินผ่านแล้วไม่รู้สึกเลยว่ามีสายลำโพงซ่อนอยู่ข้างใต้ เนื่องด้วยการออกแบบให้เป็นสายแบนจึงทำให้แม้สายมีขนาดเล็กแต่หน้าตัดทองแดงไม่ได้เล็กตาม เนื่องจากมีขนาดทองแดงใหญ่เทียบเท่า Gauge: 16AWG  |  1.25 sq. mm เลยทีเดียว สายเลี้ยวได้เดินหักมุม 90 องศาก็ยังทำได้สบายๆ จึงเหมาะกับการเดินลัดเลาะผนังหรือใต้พรมเพื่อทำการซ่อนสายให้สวยงามจริงๆ
     
     เชื่อไหมครับหลายๆคนต้องการเดินสายลำโพงแบบซ่อนสายเพื่อความสวยงาม แต่สายที่สามารถทำแบบนั้นได้จะมีซักกี่ยี่ห้อครับที่ทำมาให้แบบ แบนแนบไปกับพื้นผิวและยังให้เสียงที่ดีอีกด้วย เจ้าสิ่งที่ว่านั้นอยู่ตรงนี้แล้วครับในสายลำโพงที่มีชื่อว่า Wireworld Horizon 7

     ยังๆ ความยืดหยุ่นของเจ้าสายลำโพง Wireworld Horizon 7 ยังไม่จบเพียงเท่านี้ แม้กระทั่งปัญหาเรื่องสายลำโพงในรถยนต์ที่ต้องการความเล็ก บาง และความยืดหยุ่นของสาย แต่ในรถยนต์มีแต่สายจีนราคาถูก เจ้า Wireworld Horizon 7 นี่แหละจะมาเป็นพระเอกแก้ปัญหาให้คุณได้อย่างหมดจดเลยจริงๆ

     จบกันไปแล้วนะครับ พอหอมปากหอมคอกับรีวิวสายลำโพง Wireworld ซีรี่ 7 ในรุ่นเล็กทั้ง 4 รุ่น คงจะพอให้ไอเดียทุกท่านในการตัดสินใจเลือกซื้อสายลำโพงมาประจำการในซิสเต็มได้นะครับ

     ใครสนใจ ก็สั่งซื้อได้ทาง Online Store ที่สามารถเก็บเงินปลายทางหรือชำระเงินด้วยบัตรเครดิตได้พร้อมส่วนลดต่างๆมาก มาย หรือจะไปซื้อตามร้านตัวแทนจำหน่ายอย่าง ร้าน Taan@อัมรินทร์ พลาซ่า และ LennShop ซีคอนสแควร์ ศรีนคินทร์ ก็ได้เลยครับ หรือจะโทรมาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสั่งซื้อกับทาง Irene Audio ก็ยินดีครับ เข้ามาที่ Facebook แฟนเพจได้เลยครับ

http://smarturl.it/shop-ireneaudio

Irene Audio
Line: cchalerm

www.ireneaudio.comhttp://line.me/ti/p/WkEwlLUmW_www.ireneaudio.com/shop

smarturl.it/partch

0 comments :

[Review] รีวิว ปลั๊กกรองไฟ Monster Green Power HT 800G+

http://smarturl.it/shop-ireneaudio
     สวัสดีครับวันนี้เราเปลี่ยนบรรยากาศจากรีวิวสายต่างๆมารีวิวปลั๊กกรองไฟกันบ้างดีกว่า วันนี้ผมจะมาแนะนำปลั๊กกรองไฟที่เรียกว่า คุณภาพดี ราคาโดนใจ มีช่องเสียบเยอะ อีกทั้งฟังก์ชั่นทุกอย่างครบครันอย่างเจ้า Monster Green Power HT 800G+ ตัวนี้ ประสิทธิภาพและการใช้งานจะเป็นอย่างไรเราไปดูกันครับ

     เจ้าปลั๊กกรองไฟ Monster Green Power HT 800G+ ออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับชุดเครื่องเสียงไม่ว่าจะเป็นชุดฟังเพลงหรือชุดโฮมเธียเตอร์ มาพร้อมกับสายไฟ Monster Powerline อันโด่งดังของ Monster อีกด้วยพร้อมทั้งฟังก็ชั่นต่างๆมากมายดังนี้

- มาพร้อมกับช่องเสียบแบบ Universal ถึง 8 ช่อง
- Filter สัญญาณรบกวน เพื่อภาพและเสียงที่คมชัดยิ่งขึ้น
- ป้องกัน Surge ที่ทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหาย
- สวิตซ์ควมคุมการปิดเปิด
- ไฟแสดงสถานะ Protection ON, Clean Power, Ground OK
- Low pass filter สำหรับป้องกัน Cable TV และ ช่องเสียบสายอากาศทีวี
- บอดี้ออกแบบมาในแนวกว้าง สามารถวางได้อย่างมั่นคง
- Color Code และ Label สำหรับอุปกรณ์ชนิดต่างๆ
- ขั้วต่อชุบทอง 24K
- หัวปลั๊กแบบแบน 90 องศา สามารถเสียบในที่แคบๆได้อย่างง่ายดาย
- มาพร้อมกับสายไฟยาวถึง 2 เมตร และใช้สายไฟเกรดพรีเมี่ยมระดับ Monster Power Line 100

     ในเรื่องของการใช้งานทางด้านเสียง เมื่อนำเจ้า Monster Green Power HT 800G+ มาต่อเป็นปลั๊กพ่วงเพื่อใช้กับเครื่องเสียง พบว่าสัญญาณรบกวนที่มีในระบบหายไปอย่างชัดเจน ทำให้เสียงสะอาดขึ้น และมีความชัดเจนมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้แบ๊คกราวน์ดูสงัดขึ้นทันตาเห็น เรียกได้ว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีแบบไม่ต้องเพ่งหรือนั่งจับผิดเลยหละครับ

      ในส่วนของการใช้งานทางด้านภาพ Monster Green Power HT 800G+ ไม่ว่าจะเป็นการต่อกับทีวี หรือ เครื่องเล่นบลูเรย์ พบว่า noise ที่เป็นเม็ดๆน้อยลง (ใครว่าปกติไม่มี noise ลองไปมองดูใกล้ๆทีวีจะเห็นเป็นเม็ดๆเลยนะครับ นั่งไกลๆมองไม่เห็น) เมื่อภาพไม่มี noise ก็ทำให้สีสันชัดเจนขึ้นมานิดนึง มีความคมชัดเพิ่มมากขึ้น สีดำมีความดำมากขึ้นและแสดงรายละเอียดในที่มืดได้ดีขึ้นมาบ้าง (แต่ถ้าอยากให้ดำมากแนะนำให้ไปซื้อ OLED ทีวีครับ 555 อันนั้นดำสะใจจริงๆ)

     เป็นไงกันบ้างครับรีวิวแบบรวมรัดไม่เปลืองเวลาอ่านเน้นๆเนื้อๆได้ใจความกับเจ้าปลั๊กกรองไฟ Monster Green Power HT 800G+ มากความสามารถตัวนี้ ทั้งเรื่องที่มีช่องเสียบให้มากถึง 8 ช่องแบบ universal ที่เรียกว่าพกพาไปใช้ได้ทั่วโลกเลย อีกทั้งยังป้องกันสัญญาณรบกวน กันไฟกระชาก มีสวิตซ์ปิดเปิดมาให้อีกต่างหาก และที่สำคัญที่สุดคือ ให้สายไฟอย่าง Monster Powerline 100 ติดเครื่องมาด้วย !! เรียกว่าจัดเต็มให้ทุกส่วนจริงๆ สำหรับเจ้าปลั๊ก Monster Green Power HT 800G+

     ในเมื่อรู้ฟังก์ชั่นและความสามารถอันหลากหลายของเจ้า Monster Green Power HT 800G+ แล้ว ถ้าอยากรู้ราคาก็กดลงไปดูในลิ๊งด้านล่างนี้ได้เลยครับ วันนี้ขอลาไปก่อนสวัสดีครับ

http://smarturl.it/shop-ireneaudio

Irene Audio

Line: cchalerm

www.ireneaudio.comhttp://line.me/ti/p/WkEwlLUmW_www.ireneaudio.com/shop

http://smarturl.it/partch

0 comments :

[Review] รีวิว สายสัญญาณ Nordost Blue Heaven 2

smarturl.it/shop-ireneaudio

     สวัสดีครับ จากคราวที่แล้วเราปล่อยบทความของ Transparent ไปให้อ่าน วันนี้มาเปลี่ยนบรรยากาศกลับมาที่สายระดับเริ่มต้นพื้นๆกันบ้างดีกว่า วันนี้จะเป็นคิวของรีวิวสายสัญญาณยอดนิยมอย่าง Nordost Blue Heaven 2 เดี๋ยวจะมารีวิวให้ฟังกันว่าอะไรคือจุดเด่น จุดด้อย และเสียงของสายเส้นนี้เป็นยังไง ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันได้เลยครับ

     ถ้าพูดถึงสาย RCA ในระดับเริ่มต้นของนักเล่นเครื่องเสียงรับรองว่าต้องมี Nordost อยู่ในกลุ่มที่มีคนพูดถึงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย โดนปกติแล้วจุดสังเกตุที่โดดเด่นของ Nordost คือสายที่แบนเป็นแผ่น แต่ในปัจจุบัน Nordost ได้เปลี่ยนกลับมาใช้สายกลมเหมือนทั่วไป

     แนวเสียงของ Nordost Blue Heaven 2 ก็ยังคงสไตล์เดียวกับ Blue Heaven รุ่นเดิมไม่มีผิดเพี้ยน คือเน้นไปในทางรายละเอียดของเสียงแหลม และความพริ้วไหวของปลายเสียงที่ระเอียดระยิบระยับ แถมยังเพิ่มเติมน้ำหนักเสียงขึ้นมามากกว่ารุ่น Blue Heaven เดิมนิดนึงทำให้ความรู้สึกตอนฟังว่า เสียงมันบางน้อยกว่ารุ่นก่อนๆแฮะ ส่วนเสียงกลางและเสียงเบสอาจจะอ่อนไปนิดนึงเนื่องจากเป็นรุ่นที่ค่อนข้างเล็กของ Nordost ก็จะไม่ขอเรียกว่าเป็นจุดด้อยของรุ่นนี้แล้วกันเนื่องจากว่าปกติแล้ว กว่าที่เราจะได้เสียงกลางที่ใหญ่หนา หรือเสียงเบสที่อิ่มอวบ มีน้ำหนักมีมวล ก็ต้องข้ามไปเล่นกันถึงรุ่นสูงๆแล้ว ดังนั้นการที่ Nordost Blue Heaven 2 จะมีเสียงกลาง และ เสียงเบส ที่ออกไปในทางเบาบางก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร



     การเชื่อมต่อ โดยส่วนมากจะใช้จาก CD หรือ DAC ซะเป็นส่วนใหญ่ไม่ค่อยเห็นใครนำไปต่อจาก Pre Amp ไป Power Amp ซักเท่าไรนัก ตัวผมเองก็ไม่เคยลองซะด้วยสิ เอาเป็นว่าถ้าใครมีโอกาสลองก็ฝากลองเผื่อผมหน่อยแล้วกันนะครับ แล้วมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันก็ยินดีครับ

     สรุป Nordost Blue Heaven 2 ก็เรียกได้ว่าเป็นสายยอดนิยมสำหรับนักเล่นทุกท่านไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือเก๋าผมคิดว่าทุกคนก็ล้วนจะต้องได้เคยลองสาย Nordost Blue Heaven นี้กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นซีรี่รุ่นเก่าที่เป็นสายแบนหรือรุ่นปัจจุบันที่เป็นสายกลม สุดท้ายนี้ก็ขอยกให้เป็นสายเส้นนึงที่หามาเล่นได้เพื่อสั่งสมประสบการณ์ครับ วันนี้ก็ต้องขอลากันไปแค่นี้สวัสดีครับ

Irene Audio
Line: cchalerm


www.ireneaudio.comhttp://line.me/ti/p/WkEwlLUmW_www.ireneaudio.com/shop


https://www.citibank.co.th/th/mc/index.html?icid=CC045T

0 comments :

[Knowledge] มาทำความรู้จักรุ่นของสาย Transparent กันดีกว่า XL, MM, MM2 มันคืออะไร !!?


     สวัสดีครับ วันนี้จะมาอธิบายปัญหาคาใจของหลายๆคนที่สับสนในเรื่องรุ่นของสาย Transparent ว่ามีที่มาที่ไปยังไง XL, MM, MM2 นี่มันคือรุ่นไหน หรือมันคืออะไร เดี๋ยวจะไล่ให้กระจ่างแจ้งเข้าใจกันง่ายๆวันนี้เลยครับ ก่อนที่จะเริ่มอธิบายกันก็จะขอเล่าประวัติของ Transparent อย่างคร่าวๆซักเล็กน้อย ซึ่งอาจจะมีคลาดเคลื่อนไปบ้างนะครับเพราะว่าผมก็หาข้อมูลเอาจากแหล่งต่างๆที่หาได้จากกูเกิลนี่แหละ

     Transparent เนี่ยหลังจากที่แยกตัวออกจาก MIT ในปี 1985 แล้ว ก็ได้เริ่มปล่อยสายในชื่อ Transparent ออกมาสู่ตลาดในปี 1993 และก็ได้พัฒนาสายมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน ผมจะขอไม่อธิบายในทุกรุ่นและทุกสายของ Transparent นะครับเพราะว่ามันมีเยอะมากๆและผมก็คงจำได้ไม่หมดด้วย จะขอกล่าวถึงสายลำโพง สายสัญญาณ RCA/XLR และสายไฟที่เราเจอกันบ่อยๆก็น่าจะเพียงพอทำให้เข้าใจกันแล้วว่าไอ้คำว่า XL, MM, MM2 ของ Transparent ที่เราเห็นกันเนี่ยมันคืออะไร




การตั้งชื่อของสาย Transparent แบ่งออกเป็นดังนี้

1. สายสัญญาณ RCA/XLR จะใช้คำว่า "Link" อยู่ในชื่อ
2. สายลำโพง จะใช้คำว่า "Wave" อยู่ในชื่อ
3. สายไฟ จะใช้คำว่า "Power" รวมอยู่ในชื่อ

ส่วนสายประเภทอื่นไม่แน่นอนครับ มีการเปลี่ยนแปลงที่หลากหลายมาก

เรามาดูชื่อรุ่นของ Transparent ในอดีตโดยคร่าวๆที่เราเจอกันบ่อยๆดีกว่าว่ามันมีชื่อรุ่นอะไรบ้าง

สายสัญญาณ 

เรียงลำดับรุ่นเล็กไปหารุ่นใหญ่

- Transparent The Link 100
- Transparent The Link 200
- Transparent Music Link
- Transparent Music Link Plus
- Transparent Music Link Super
- Transparent Music Link Ultra
- Transparent Music Link Reference

สายลำโพง

เรียงลำดับรุ่นเล็กไปหารุ่นใหญ่

- Transparent The Wave 100
- Transparent The Wave 200
- Transparent Music Wave
- Transparent Music Wave Plus
- Transparent Music Wave Super
- Transparent Music Wave Ultra
- Transparent Music Wave Reference

สายไฟ 

 เรียงลำดับรุ่นเล็กไปหารุ่นใหญ่

- Transparent Power Link Plus 
- Transparent Power Link Super
- Transparent Reference Power Link


มาถึงส่วนสำคัญที่ทำให้คนงงแล้วครับว่า XL, MM, MM2 มันคืออะไร

     ผมขอเรียกง่ายๆว่ามันคือ Generation ของสายนั่นเอง ถ้าเปรียบเทียบกับรถยนต์จะเห็นภาพได้ชัดเจนมา ก็คงจะเหมือนอย่าง Honda Civic 1992 (EG - เตารีด), Civic 1996 (EK - ตาโต), Civic 2001 (ES - Dimension), Civic 2006 (FD - นางฟ้า) อะไรแบบนี้เป็นต้นครับ

     เริ่มแรกสายของ Transparent จะไม่มีตัวหนังสือต่อท้ายเลย พวกนี้อยู่ในช่วงประมาณปี (1985-1997) ยาวนานมากทีเดียวครับ สาย Transparent ในยุคนั้นก็จะมีชื่อโดยประมาณดังนี้ครับ (อาจมีการจำคลาดเคลื่อนนะครับ ข้อมูลที่ถูกต้องหายากมาก พอดีผมเกิดไม่ทัน 555) และต่อมาก็กลายเป็นเทคโนโลยี XL ในปี (1997-2002) แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีเรื่องให้สับสนอยู่ตามสไตล์ของ Transparent นั่นคือรุ่น XL ก็ยังมีขายอยู่เป็นรุ่นปัจจุบันในซีรี่สูงๆ ถัดมาเป็นรุ่น MM ในปี (2002 - 2008) และต่อด้วยรุ่น MM2 จนถึงปัจจุบัน (ตอนนี้ปี 2016)

Part ตัวอย่าง

     ยกตัวอย่างมาหนึ่งรุ่นที่ Transparent ทำให้เห็นรุ่นชัดเจนที่สุดและมีมาตั้งแต่ Generation แรกๆนั่นคือ Transparent Ultra (ทั้งสายลำโพงและสายสัญญาณ ไม่ยักกะมีสายไฟแฮะแต่มีเครื่องกรองไฟ งงอีกแล้ว)

     - Transparent Music Link Ultra (1985-1997)
     - Transparent Music Link Ultra XL (1997-2002)
     - Transparent Music Link Ultra MM (2002-2008)
     - Transparent Music Link Ultra MM2 (2008-ปัจจุบัน) 

เพียงแค่นี้ Transparent ก็ยังสร้างความสับสนมึนงงให้คนเล่นไม่พอเพราะ พี่แกไม่แปะ XL MM MM2 ไว้ทุกซีรี่นี่สิ 555 บางซีรี่ต้องสังเกตุตามสีป้ายเอาอย่างเช่น 

     - Transparent Music Link Plus จะเป็นสายสีขาวกระเปาะพลาสติกเหลี่ยมสีดำตัวหนังสือสกรีนทอง
     - Transparent Music Link Plus XL จะเป็นสายสีขาวกระเปาะพลาสติกเหลี่ยมสีดำตัวหนังสือนูนทอง
     - Transparent Music Link Plus MM จะเป็นสายสีขาวกระเปาะพลาสติกมนๆป้ายดำตัวหนังสือแดง 
     - Transparent  Music Link Plus MM2 จะเป็นสายสีขาวกระเปาะพลาสติกมนๆป้ายทอง
     - Transparent  Music Link Plus ณ ปัจจุบันไม่แน่ใจว่าเลิกใช้คำว่า MM2 ไปรึยัง แต่กลายเป็นสายสีเทาเข้มๆกระเปาะดำไปแล้ว

      และทั้งหมดนี้ ไม่มีสกรีน XL, MM, MM2 ที่แยก Generation ต่อท้ายจ้า 555 จะมีแต่ MM กับ MM2 ที่ซ่อนไว้กับ Serial No. ด้านหลัง (แต่ดันเป็นสติกเกอร์แปะมา คนที่จำรุ่นได้ไม่หมดสติกเกอร์หายไปก็ซวยอีก)

     ก่อนที่จะงงไปมากกันกว่านี้ขออนุญาติจบตรงนี้แค่เรื่องพื้นฐานมากๆที่จะทำให้คุณรู้จัก Transparent ขึ้นมาอีกเยอะเลย แต่ถ้าจะจำได้ทั้งหมดผมบอกได้เลยว่าที่ผมเล่าไปน่าจะเป็นแค่ 10% ของ Transparent เท่านั้นเอง เพราะนี่ยังไม่ได้รวมถึงว่าใน Generation เดียวกัน สายทำมาหน้าตาไม่เหมือนกัน และยังไม่รวมถึง RCA/XLR ที่แตกต่างกันอีก ให้พักสายตากัน 10 วินาทีแล้วไปต่อกันที่

รุ่นแรก, XL, MM, MM2 เสียงต่างกันมั้ย?

     ขออีกนิดเดียวครับจะจบแล้วไม่นาน ว่ากันด้วยเรื่องเสียงของสายในแต่ละ Generation นั้นมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนครับ จุดที่ผมว่าต่างกันมากที่สุดขอยกให้เป็น สำเนียง และ บรรยากาศ ที่ในแต่ละ Generation นั้นมีความแตกต่างกันมากที่สุด แต่จะต่างกันยังไงนั้น ต้องลองฟังเองครับผม วันนี้ลากันไปเพียงเท่านี้ครับสวัสดีครับ 

 
Irene Audio
Line: cchalerm

www.ireneaudio.comhttp://line.me/ti/p/WkEwlLUmW_www.ireneaudio.com/shop

https://www.citibank.co.th/th/mc/index.html?icid=CC045T

0 comments :

[Review] รีวิว สายไฟ Wireworld Electra 7


     วันนี้ก็ได้ฤกษ์รีวิวเจ้าสายไฟที่เป็นหนึ่งในสายไฟที่ผมชื่นชอบเสียงที่สุด นั่นก็คือเจ้า Wireworld Electra 7 นั่นเอง สายไฟเส้นนี้เป็นสายไฟที่เริ่มกระโดดมาอยู่ในระดับ Mid-end ถึง เริ่มๆ Hi-end แล้ว เพียงแต่ว่าราคาไม่กระโดดตามขึ้นไปด้วยน่ะสิ เป็นมิตรกับกระเป๋าดีเหลือเกิน แล้วเจ้าสายไฟ Wireworld Electra 7 เส้นนี้มันมีดียังไงบ้าง ผมถึงยกให้เป็นสายในชุดที่ชื่นชอบที่สุด เราไปอ่านรีวิวกันเลยครับ

     สายไฟ Wireworld Electra 7 เส้นนี้ ให้แนวเสียงแตกต่างไปจากทั้ง Wireworld Stratus และ Wireworld Aurora ที่เน้นโทรเสียงไปทางกลางแหลมที่กระจ่างสดใส แต่ Wireworld Electra 7 นั้นให้แนวเสียงที่ หนักแน่น มีพลัง เสียงอิ่มหนา ใหญ่ มีน้ำหนักเสียงที่ดีมาก มีเสียงกลางที่ใหญ่ หนา มีเนื้อเสียงที่ชัดเจนและมีคุณภาพมากๆ ถึงสายไฟ Wireworld Electra 7 จะเน้นเสียงไปทางมิดเรนจ์ และ เบส กระนั้นก็ไม่ทำให้เสียงแหลมด้อยลงไปเลย มีเสียงแหลมเปิดกว้างชัดเจน ไม่อุดอู้ไม่บาดหู อีกด้วย

     สายไฟ Wireworld Electra 7 เหมาะกับการนำไปใช้กับ Integrated Amp หรือ Power Amp เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากให้พละกำลังที่ดีมากๆ ให้เสียงเบสที่ใหญ่ ลงลึก การควบคุมเสียงเบสก็ทำได้ดีมาก ไม่มีอาการเบสบวมหรือเบสล้นให้เห็นเลย เป็นสายที่สามาถควบคุมเสียงโดยรวมได้อย่างดีสุดๆ แต่ถึงจะแนะนำว่าเหมาะกับการใช้กับ Integrated Amp หรือ Power Amp แต่การนำไปใช้กับ CD หรือ DAC หรือแม้กระทั่ง Preamp ก็ให้เสียงที่ดีมากๆด้วยเช่นกัน ถึงเสียงที่ได้จะไม่ได้ออกไปในทางโทนเสียงหวานเหมือน Wireworld Aurora 7 แต่ว่าให้น้ำหนักเสียงและความชัดเจนของตัวโน๊ตรวมถึงเนื้อเสียงที่มากกว่าอีกด้วย

     สายไฟ Wireworld Electra 7 สามารถนำไปฟังได้หลายแนวเพลง แต่แนวเพลงที่แสดงเสียงออกมาได้อย่างโดดเด่นนี่ส่วนตัวผมว่าเป็นเพลงที่เน้นร้องที่ใหญ่ๆและเสียงเบสในการนำเสนอ อย่างพวกเพลงของคุณสุเทพ วงกำแหง เพลงของ เอลวิส เพรสลี่ หรือแม้กระทั่งเพลงแจ๊สที่ใช้ดับเบิลเบส ในการนำเสนอเพลงอย่างโดดเด่น จังหวะจะโคน น้ำเสียงที่ได้มีชีวิตชีวาดีจริงๆ

     สรุป สายไฟ Wireworld Electra 7 เส้นนี้ผมยกให้เป็นสายสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการฟังเพลงหรือที่เรียกว่านักฟังเพลงสาย Music Lover สายไฟ Wireworld Electra 7 อาจจะไม่ได้แสดงความคมชัดออกมาในแนวเพลงพวก Audiophile แต่กระนั้นสำหรับผมที่ชื่นชอบการฟังเพลงโดยไม่ได้ฟังจับผิดก็ยกให้เป็นสายไฟที่อยู่ในระดับแนวหน้าเรียกได้ว่าเป็น Top 5 ของสายที่ชื่นชอบแล้วกัน (ใครที่โทรมาคุยกับผมบ่อยๆจะรู้เลยว่าผมชอบสายอะไรบ้าง) และท้ายที่สุดผมบอกได้คำเดียวว่าลืมคำว่า "เสียงบาง" ไปได้เลยถ้าท่านได้รู้จักกับสายเส้นนี้ ขอแนะนำให้ลองกันดูครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

     ใครสนใจ ก็สั่งซื้อได้ทาง Online Store ที่สามารถเก็บเงินปลายทางหรือชำระเงินด้วยบัตรเครดิตได้พร้อมส่วนลดต่างๆมาก มาย หรือจะไปซื้อตามร้านตัวแทนจำหน่ายอย่าง ร้าน Taan@อัมรินทร์ พลาซ่า และ LennShop ซีคอนสแควร์ ศรีนคินทร์ ก็ได้เลยครับ หรือจะโทรมาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสั่งซื้อกับทาง Irene Audio ก็ยินดีครับ เข้ามาที่ Facebook แฟนเพจได้เลยครับ สินค้า Wireworld รับประกัน Limited Lifetime ครับ ใช้งานปกติไม่แตกหักถ้าเสียเปลี่ยนตัวใหม่ไปเลยครับ





Irene Audio
Line: cchalerm

www.ireneaudio.comhttp://line.me/ti/p/WkEwlLUmW_www.ireneaudio.com/shop

https://www.citibank.co.th/th/mc/index.html?icid=CC045T
 

0 comments :

[Review] รีวิว สายไฟ Wireworld Aurora 7


http://smarturl.it/shop-ireneaudio

     สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับรีวิวดีๆที่เขียนให้อ่านกันเป็นประจำถึงจะมีอู้งานบ้างก็เถอะ (อู้บ่อยมากบอกเลย 555) ในวันนี้จะมาพูดถึงสายไฟ Wireworld Aurora 7 ที่ขึ้นชื่อในเรื่องเสียงที่นุ่มละมุนหู อ่อนหวาน แล้วในเรื่องอื่นๆจะเป็นยังไงตามไปอ่านกันต่อได้เลยครับ

     สายไฟ Wireworld Aurora 7 เป็นสายไฟรุ่นที่ใหญ่ขึ้นถัดมาจาก Wireworld Stratus 7 ให้แนวเสียงคล้ายๆอัพ Wireworld Stratus 7 แต่ว่ามีรายละเอียดและน้ำหนักเสียงที่มากกว่า ให้บรรยากาศได้ดีเลยทีเดียว อีกทั้งจุดเด่นของ Wireworld Aurora 7 นี้เป็นสายที่ช่วยเสริมให้เสียงร้องมีความหวาน ต่อเนื่องละมุนละไมน่าสัมผัสยิ่งนัก เพลงร้องผู้ ญ สายเส้นนี้ทำได้ดีมากๆอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่สุดโต่งเท่าพวก Transparent Reference ที่เอาดีทางเพลงร้องอย่างเดียว แต่ Wireworld Aurora 7 ยังสามารถฟังเพลงทั่วไปได้เป็นอย่างดีอีกด้วย




     การนำ Wireworld Aurora 7 ไปใช้กับ CD Player หรือ DAC น่าจะเป็นจุดที่ดึงความสามารถของสายไฟเส้นนี้ออกมาได้อย่างโดดเด่นที่สุด ผมจะไม่อธิบายอะไรยากๆนะ เพราะถ้าอยากอ่านรีวิวยากๆผมว่าเวปต่างประเทศทำได้ดีกว่าผมเยอะเลย เอาง่ายๆแค่ว่าถ้าซิสเต็มไหนต้องการให้เสียงร้องหวานขึ้น มีความนุ่มนวลละมุนละไมขึ้น มีบรรยากาศเพิ่มมากขึ้น เอาสายไฟ Wireworld Aurora 7 เส้นนี้ไปเสียบกับ CD Player หรือ DAC นี่จบง่ายๆเลยครับ ผมเทียบระดับความหวานนี่น้องๆ Transparent Reference เลยนะครับ แต่ราคาเป็นมิตรต่อกระเป๋าเงินกว่าเยอะ ถูกกว่ากันหลายเท่าเลยทีเดียว

      การต่อกับ Amplifier ผมจะพูดถึงรวมๆทั้ง Integrate Amp และ Pre-Power นะครับ สายไฟ Wireworld Aurora 7 ก็ยังสามารถยกระดับซิสเต็มเพิ่มเติมความหวานได้ดีระดับนึงเลยทีเดียว (ถึงจะไม่เท่าการนำไปใช้กับ CD หรือ DAC) แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเห็นชัดขึ้นมาคือ ความชัดเจนของตัวโน๊ต น้ำหนักของคีย์เปียโน มวลเสียงของตัวโน๊ตแต่ละตัว ทำได้เป็นอย่างดีสิ่งเหล่านี้ทำให้ซิสเต็มเราปราศจากคำว่า "เสียงแห้ง" นะครับ ซิสเต็มใครเสียงแห้งๆต้องลองเอาสายไฟ Wireworld Aurora 7 เส้นนี้ไปลองใช้ดู

     สรุป สายไฟ Wireworld Aurora 7 มีจุดเด่นคือเสียงที่หวาน นุ่มละมุนละไม อีกทั้งราคาค่าตัวยังถือว่าไม่แพงเลย เมื่อเทียบกับคุณภาพเสียงที่ได้รับ หากท่านต้องการสายไฟที่ให้เสียงหวานในระดับราคา 8,000-10,000 บาท ผมแนะนำให้เอาสายไฟ Wireworld Aurora 7 ไปลองจริงๆครับ ท่านจะไม่ผิดหวังกับผลลัพท์ที่ได้เลย

     ใครสนใจ ก็สั่งซื้อได้ทาง Online Store ที่สามารถเก็บเงินปลายทางหรือชำระเงินด้วยบัตรเครดิตได้พร้อมส่วนลดต่างๆมาก มาย หรือจะไปซื้อตามร้านตัวแทนจำหน่ายอย่าง ร้าน Taan@อัมรินทร์ พลาซ่า และ LennShop ซีคอนสแควร์ ศรีนคินทร์ ก็ได้เลยครับ หรือจะโทรมาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสั่งซื้อกับทาง Irene Audio ก็ยินดีครับ เข้ามาที่ Facebook แฟนเพจได้เลยครับ สินค้า Wireworld รับประกัน Limited Lifetime ครับ ใช้งานปกติไม่แตกหักถ้าเสียเปลี่ยนตัวใหม่ไปเลยครับ

http://smarturl.it/shop-ireneaudio




Irene Audio
Line: cchalerm

www.ireneaudio.comhttp://line.me/ti/p/WkEwlLUmW_www.ireneaudio.com/shop

https://www.citibank.co.th/th/mc/index.html?icid=CC045T

0 comments :

[Review] รีวิว สายไฟ Wireworld Stratus 7

http://smarturl.it/shop-ireneaudio

     จริงๆแล้วสายไฟ Wireworld Stratus 7 ตัวนี้ก็ออกมาได้สักปีกว่าๆแล้วหละ แต่ด้วยความขี้เกียจก็เลยไม่ได้เขียนรีวิวให้อ่านกันสักที ทั้งๆที่ต่างประเทศรีวิวกันไปเยอะแยะมากมายแล้ว วันนี้ก็จะมารีวิวให้ฟังซะหน่อยแล้วกัน เพราะช่วงนี้มีคนถามถึงสายไฟเส้นนี้กันบ่อยขึ้นเผื่อคนอื่นๆจะได้อ่านด้วย

[Review] รีวิว Xiaomi Bluetooth Speaker ลำโพงแจ๋ว ราคาจิ๋ว แต่เสียงไม่จิ๋ว


     สวัสดีครับ วันนี้จะมาแนะนำลำโพงเล็กคุณภาพไม่เล็กตามลำโพง แถมราคาแบบน่าตกใจมากได้เห็นครั้งแรกถึงกับอุทานว่า "มันขายราคานี้ได้ไงฟะ"

     Xiaomi ชื่ออาจจะฟังดูจีน แต่เป็นบริษัทที่กำลังเติบโตอย่างขีดสุดใน Concept ที่เรียกว่าดีไซน์สวย ทันสมัย สเปคดี ที่สำคัญคือราคาถูกมาก Xiaomi ทำการตลาดแบบขายเองโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางดังนั้นจึงทำให้ขายราคาได้ถูกสุดๆ จนเรียกว่าของในราคาเดียวกันนี่เทียบคุณภาพไม่ติดเลย

     เจ้าลำโพงตัวนี้ ให้เสียงที่ชัดเจน สดใส โปร่ง เหมาะกับการฟังเพลง pop เพลงทั่วไป ไม่ว่าจะเปิด mp3 หรือเปิด youtube ดูหนังฟังเพลงบนมือถือนี่ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมไม่มีที่ติ สามารถเชื่อมต่อด้วย Bluetooth 4.0 ได้อย่างง่ายดาย มีแบตเตอรี่ที่สามารถฟังเพลงได้นานถึง 13 ชั่วโมงเลยทีเดียว เรียกว่าพกพากันไปฟังนอกบ้านได้ทั้งวันเลยแหละ




     หลายคนคงสงสัยใช่มั้ยครับว่าทำไมเชียร์ว่าดีอย่างนู้นดีอย่างนี้ เว่อร์ไปรึเปล่า ก็ต้องบอกว่าทั้งหมดที่เขียนมาคงเว่อร์ไปจริงๆครับ ถ้าลำโพงตัวนี้ไม่ได้ราคา "แค่ 990 บาท"

เป็นไงครับเจอราคาเข้าไปอึ้งกันไปเลย



Irene Audio 
Online Store: www.ireneaudio.com/shop
Line: cchalerm

www.ireneaudio.comhttp://line.me/ti/p/WkEwlLUmW_www.ireneaudio.com/shop

https://www.citibank.co.th/th/mc/index.html?icid=CC045T

0 comments :

[Review] รีวิว หูฟัง Sony MDR-ZX770BT ราคาถูกที่คุ้มค่าที่สุด Best Budget Buy !!!

smarturl.it/sonyzx770

     พอดีช่วงปีใหม่หาซื้อหูฟังบลูทูธราคาย่อมเยา คุณภาพดี ราคาถูก เสียงไม่ต้องดีมาก เพื่อเอามาใช้งานทั่วๆไปฟังเพลงจากมือถือบ้างดูหนังบ้าง ก็มาเจอเจ้า Sony MDR-ZX770BT นี่ที่ยี่ห้อถือว่ามาตรฐาน คุณภาพดีใช้ได้ ที่น่าตกใจคือราคา !!! ในชอป Sony ที่ขาย 4,290 บาท ถือว่าถูกมากๆสำหรับหูฟังบลูทูธ หูฟังตัวนี้จะเป็นยังไงเดี๋ยวเรามาดูรีวิวกัน

     ต้องย้ำอีกครั้งว่าหูฟังตัวนี้ผมไม่ได้เน้นเสียงดีมาก เพราะผมเอามาใช้งานเป็นหลักไม่ได้เอามาฟังเพลงจริงจังดังนั้นจะให้ผมมารีวิวเสียงของหูฟังราคาสองพันกว่าบาทเทียบกับเครื่องเสียงหลายแสนที่บ้านก็คงไม่ได้หละครับ  จะเน้นไปที่ฟังก์ชั่นว่าทำอะไรได้บ้างแล้วก็เดี๋ยวรีวิวเสียงให้ฟังนิดหน่อยพองามละกันครับ

การเชื่อมต่อ

     Sony MDR-ZX770BT ตัวหูฟังสามารถใช้งานได้ทั้ง Bluetooth และ ใช้สายต่อ ซึ่งสายเราสามารถเอา mini jack 3.5mm จากไหนก็ได้มาเปลี่ยนได้เลยมีรูเสียบตัวเมียให้อัพเกรดสายเล่นได้ด้วย อีกทั้งลูกเล่นการเชื่อมต่ออย่างรวดเร็วด้วย NFC เพียงแค่เอาโทรศัพท์ที่รองรับ NFC มาแตะที่หูฟังเท่านี้ก็สามารถ Pair หูฟังกับโทรศัพท์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

การควมคุม
     
     Sony MDR-ZX770BT มีปุ่ม play, pause, forward, backward ที่หูฟังใช้งานได้สะดวกมากๆและมีปุ่มปรับ volume ก็กดง่ายเช่นกัน ส่วนปุ่ม noise cancelling ใช้สำหรับการออกไปอยู่ในที่ๆมีเสียงรบกวนเยอะๆก็ตัดเสียงข้างนอกได้ดี สามารถรับโทรศัพท์ได้เลยมีไมโครโฟนในตัว


การสวมใส่และวัสดุ

     Sony MDR-ZX770BT ใส่ได้ง่ายสบายๆ ตรงที่ครอบหูใหญ่กว่าหูทำให้ครอบลงไปได้ทั้งหูไม่กดหูและการปรับเลื่อนทำได้นุ่มนวลและล๊อกได้แข็งแรง ในจุดนี้เทียบหูฟังยี่ห้อจีนราคาพันกว่าบาทโซนี่ทำได้ดีกว่าแบบเทียบไม่ติด ทั้งคุณภาพวัสดุ งานประกอบอะไรถือว่าเนี๊ยบมากในมาตรฐานของโซนี่ครับ โดยเฉพาะราคามันไม่แพงเนี่ยแหละที่ทำให้ยิ่งประทับใจ

เสียง

     ขออนุญาติไม่นำเจ้า Sony MDR-ZX770BT ไปเทียบกับของ Hiend โดยเด็ดขาด เรื่องเสียงร้องทำได้ชัดเจนระดับนึง รายละเอียดพอมีปานกลาง เสียงเบสอาจจะบางไปสักนิดนึง แต่โดยรวมผมถือว่าในราคานี้ ทำเสียงมาให้ค่อนข้างสมราคาครับ แต่ถ้าใครจะจะซื้อมาฟังเพลงจริงจังเอาเสียงเพราะผมคงไม่แนะนำครับ


บทสรุป

     ใครกำลังหาหูฟังบลูทูธที่ราคาย่อมเยา คุณภาพดี ใช้งานง่ายและใส่สบาย บอกได้เลยว่าผมแนะนำให้ซื้อเจ้า Sony MDR-ZX770BT รุ่นนี้โดยไม่ต้องลังเล เพราะทั้งตลาดผมหามาหมดแล้วไม่มีอันไหนที่ถูกกว่าตัวนี้แล้ว บอกตรงๆว่าในชีวิตผมนี่แทบไม่เคยซื้อของโซนี่เลย แต่ชิ้นนี้ถือว่าเป็นชิ้นที่ผมว่าโซนี่ทำได้ดีกว่ายี่ห้ออื่นในตลาดครับ

ใครจะซื้อจัดไปเลยครับ เราเลือกให้แล้ว ไม่ผิดหวังแน่นอนกับ

>> Sony MDR-ZX770BT <<
Irene Audio 
Online Store: www.ireneaudio.com/shop
Line: cchalerm

www.ireneaudio.comhttp://line.me/ti/p/WkEwlLUmW_www.ireneaudio.com/shop

https://www.citibank.co.th/th/mc/index.html?icid=CC045T

2 comments :