Deal of The Day !!!

[Review] Capacitor Elna Cerafine BP




    Elna คือ บริษัทผู้ผลิต Capacitor รายใหญ่รายหนึ่งของโลก ซึ่งมีสัญชาติญี่ปุ่น โดยจะแยกประเภทของ Audio Capacitor เป็นหลายประเภทเช่น
            - LPO series II - ELNA FOR AUDIO
            - ROA series - Cerafine
            - ROD series - STARGET
            - RFS series - Silmic, Silmic II
            - ...
    และเกรดของ Elna Capacitor จะเป็นตามนี้
            RFS > ROS > ROA > ROB 
    โดยที่ Silmic II จะให้เสียงที่ sharp กว่า และ มีเนื้อหนังมากกว่า Cerafine ในระดับหนึ่ง แต่ยังแพ้เรื่องความพริ้วไหวของเสียงและ Silmic II จะมีจังหวะที่กระชับกว่า Cerafine โดยที่ Cerafine นั้นจังหวะจะยานกว่านิดๆ

แต่เดี๋ยวก่อน...!!!
    การแบ่งเกรดของ Elna ตามด้านบนนั้นคือการแบ่งเกรดของ Capacitor ที่ใช้ในภาคจ่ายไฟและเป็นชนิดที่มีขั้วเท่านั้นนะ ไม่ได้พูดถึงชนิดที่ไร้ขั้ว (Bipolar) ที่เอามาใช้เป็นทางผ่านของสัญญาณเสียง จึงอยากให้เข้าใจตรงจุดนี้ก่อนว่ามันคนละหน้าที่กัน

Elna Cerafine BP (Bipolar)
    เป็น Capacitor ชนิด Bipolar ที่ถูกกล่าวขวัญกันมากที่สุด ที่แม้แต่เรื่องเสียงราคาหลายแสนยังต้องใช้ ซึ่งปัจจุบันหาซื้อตามร้านหรือเวปทั่วไปไม่ได้แล้ว (แม้แต่ข้อมูลยังหายากเลย) เพราะคนส่วนใหญ่จะเก็บไว้ใช้กันเอง แต่ชนิดที่มีขั้วยังพอหาซื้อได้ใน Ebay ในราคาที่ไม่แพงมากนัก
All lead wires are oxygene-free copper for extremely low harmonic distortion
(3rd.Harm.Dist.,10KHz, 0.1A : -120dB or less)
    ขาทุกขาทำจากทองแดง OFC (ทองแดงปลอดอ๊อกซิเจน) เพื่อลด hamonic คี่ที่ระคายหูนักฟังทุกท่าน ถ้าถามว่าลดได้ขนาดไหน ถ้าดูใน datasheet จะใช้คำว่า extremely (เต็มเหนี่ยว)

Elna Cerafine VS Rubycon Black Gate N ณ สุดปลายสายรุ้ง...
    ในการทดสอบเสียง เราจะไม่ทดสอบกับ Capacitor ที่หาได้ทั่วไปที่หลายๆ ท่านนิยมใช้กัน อาจจะเป็นเพราะหาซื้อได้ง่ายและราคาไม่แพงมากนัก แต่เราขอท้าชนกับ Rubycon Black Gate N กันเลยทีเดียว
Realize high grade audio tone with excellent sound resolution.
    หลังจากได้ฟัง 2 ตัวนี้เทียบกัน (หลังจากเบิร์นเกิน 100 ชั่วโมงทั้งคู่) จะพบว่า Black Gate N จะชนะเกือบทุกด้าน แต่ไม่มากนัก โดยที่ Black Gate N เสียงจะแห้งกว่านิดๆ ไม่ค่อยฉ่ำแต่เนียลกว่า(สมูทกว่า) ในขณะที่ Cerafine จะให้รายละเอียดระยิบระยับที่เป็น Background ได้ดีกว่ามาก(พริ้วไหวกว่า)
Good rise in the low-pitched sound region and no distortion in the medium and high-pitched sound region.
    ย่านเสียงต่ำอาจจะด้อยกว่า Black Gate N อยู่บ้างแต่ไม่มากนัก โดยที่ Cerafine จะเน้นไปทางโทนเสียงที่อุ่นกว่าและกลมมลกว่า แต่ย่านเสียงกลางถึงสูงนี้ไปสุดจริงๆ (โดยเฉพาะเสียงนักร้องหญิง) ไดนามิกจะเด่น ปลายเสียงทอดยาวไปได้จนสุดและมีสมดุลของเสียงที่ดีกว่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับ system ที่ใช้ด้วย

บทสรุป
    คงจะตอบไม่ได้ว่า Capacitor ตัวไหนที่ให้เสียงที่ดีกว่าและเหมาะสมกับ system ของท่านมากกว่ากัน เพราะ Capacitor แต่ละตัวจะมีบุคลิกที่แตกต่างกันไป แต่ถ้าหากวันนึงท่านจะหาซื้อ Capacitor ซักตัวนึง ก็คงต้องดูงบในกระเป๋าด้วย อย่าง Black Gate N นี่ ราคาจับต้องแทบจะไม่ได้แล้ว แถมของปลอมโผล่มาอื้อเลย ในขณะที่ Elna Cerafine BP ยังพอจะหาซื้อได้จากคนที่ stock ไว้ได้บ้าง (ถ้าเขายอมขายให้นะ) อีกอย่าง Elna Cerafine ก็เริ่มจะมีของปลอมให้เห็นแล้วก็ต้องระวังด้วยเช่นกัน และ จุดที่อยากให้ลองเปลี่ยนอันดับแรกเลยคือภาค negative feedback (ปรกติแล้วจะเปลี่ยนกันที่ภาค input) ซึ่งภาค negative feedback นี้สำคัญมากๆ แต่ไม่ค่อยมีไครสนใจกันเลย เพราะจุดนี้มันทำหน้าที่เป็น mirror input ของ system กันเลยทีเดียว

(มีจำหน่ายแล้วที่นี่)

[Review] สายสัญญาณ Nordost Baldur


     Nordost Baldur เป็นสายสัญญาณที่อยู่ระหว่าง Nordost Reddawn และ Nordost Heimdall ด้วยความที่สาย Nordost ในแต่ละรุ่นก็จะมีเอกลักษณ์ที่บ่งบองถึงความเป็น Nordost อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นความ โปร่ง ปลิว พริ้ว และการตอบสนองที่ฉับไว Nordost Baldur ก็เป็นหนึ่งในรุ่นกลางๆที่ให้ไดนามิคที่ค่อนข้างดีถึงดีมาก และมีจังหวะการตอบสนองที่ทำได้ดี เหมาะสำหรับคนที่ชอบฟังเพลงแนวสมัยใหม่ มีจังหวะ มีเครื่องเคาะ

     หากท่านมี Nordost Reddawn อยู่ แล้วอยากได้ไดนามิคที่เพิ่มขึ้นและการตลอดสนองที่ฉับไวขึ้น Nordost Baldur ให้อะไรที่มากกว่ารุ่น Reddawn อยู่สักเล็กน้อย เพียงแต่ว่าถ้าท่านใช้ Nordost Blue heaven ลงไป การอัพเกรดขึ้นมาเป็น Nordost Baldur ก็ให้อะไรที่แตกต่างอยู่พอสมควร คุ้มค่ากับส่วนต่างที่จ่ายไปในการอัพเกรดสาย

[Review] สายสัญญาณ Nordost Heimdall


   

      ชื่อเสียงของ Nordost คงไม่ต้องบรรยายอะไรมาก ใครๆก็รู้จักเพราะเป็นที่นิยม ด้วยความ โปร่ง โล่ง ปลิว พริ้วไหว จังหวะดี เร็วฉับไว ตอบสนองได้ตามต้องการ เหมาะกับเพลงสมัยใหม่ เพลงที่ต้องการจังหวะเร็วๆ Nordost จะตอบสนองสิ่งนั้นได้เป็นอย่างดี

      พูดถึง Nordost Heimdall ก็จะเป็นรุ่นที่อยู่ตรงกลางๆของรุ่นทั้งหมดของ Nordost ด้วยราคาที่ไม่แพงเกินจับต้องไปนักและเสียงที่ให้ได้ค่อนข้างมีน้ำหนักมากกว่าเมื่อเทียบกับรุ่นที่เล็ก 1 ขั้นอย่าง Nordost Reddawn ถือว่าให้เสียงที่มีความพริ้ว มีมิติ มีความไวและมีน้ำหนักมากกว่า Nordost Blue Heaven และ Nordost Reddawn อยู่พอสมควร จุดเสริมที่โดดเด่นของรุ่นนี้คือเลือกใช้หัว RCA รุ่น Nextgen อย่าง WBT - 0110Cu ที่ตัวนำทำจากทองแดงบริสุทธิ์ ช่วยเสริมให้เสียงของ Nordost Heimdall นั้นมีน้ำหนักและมีความอิ่ม ไม่ติดบางจนเกินไปนั่นเอง

      Nordost Heimdall เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการอัพเกรดจาก Nordost Blue Heaven และ Nordost Reddawn แต่ไม่ต้องการจ่ายในงบประมาณที่มากเกินไป หรือคนที่อยากได้สายที่มีสปีดเร็วๆแต่ต้องมีน้ำหนักด้วยไม่บางมากจนเกินไป ฟังเพลงสมัยใหม่ เพลงที่มีจังหวะเร็วหน่อย มีเครื่องเคาะเยอะ แนะนำให้เลือก Nordost Heimdall เพราะจะช่วยทำให้ชุดของท่านดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้พอสมควรเลยทีเดียว


[Review] สายลำโพง Transparent Musicwave Ultra XL


     Transparent Musicwave Ultra XL หนึ่งในสายลำโพงที่เสียงดีที่สุดและมีคนเก็บสะสมและถามหากันมากที่สุด เป็นสายลำโพงที่ใครต่อใครก็อยากได้ไว้ในครอบครอง หากใครยังไม่รู้ว่ารุ่นของ Transparent เรียงยังไง ลองเข้าไปอ่านในลิ๊งนี้ก่อน

>> มาทำความรู้จักรุ่นของสาย Transparent กันดีกว่า XL, MM, MM2 มันคืออะไร !!? <<

     พูดถึงสาย Transparent แน่นอนนิยามของสาย Transparent ก็คือเสียงร้องที่หวานละมุน โดดเด่นในเพลงร้องและเพลงช้าเป็นที่สุด สาย Transparent ในแต่ละรุ่นก็จะมีแนวเสียงที่ต่างกัน แต่ถ้าต้องการเสียงที่ให้ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Transparent จริงๆ จะชัดเจนออกมาตั้งแต่รุ่น Ultra ขึ้นไป น้ำเสียงของสาย Transparent Ultra ไม่ว่าจะเป็นสายลำโพงหรือสายสัญญาณ จะให้เสียงที่หวานและมีรายละเอียดที่สูงมาก รวมถึงสิ่งที่หาได้ยากจากสายรุ่นอื่นๆคือบรรยากาศ การดึงเอาบรรยากาศออกมาจากชุดเครื่องเสียงให้ได้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมากๆ ทุกอย่างต้องถึงและพร้อมตั้งแต่ต้นทางยันปลายทาง สุดท้ายสิ่งที่มาเติมเต็มให้ดึงบรรยากาศออกมาได้นั่นก็คือ สายทั้งหมดในซิสเต็มนั่นเอง

     Transparent Musicwave Ultra XL เป็นสายที่สามารถดึงบรรยากาศและมิติออกมาได้สุดขีด ถ้าเซ็ทดีๆสามารถทำเสียงให้ลอยข้ามไปข้างหลัง หรือว่าไปดังข้างนอกห้องได้เลยทีเดียวหรือแม้กระทั่งเอาไปต่อดูหนังแล้วเสียงเฮลิคอปเตอร์บินอยู่บนหลังคาบ้านก็สามารถทำได้แน่นอน ขอยืนยันด้วยประสบการณ์ตรง มีสายเพียงแค่ไม่กี่ยี่ห้อและรุ่นบนโลกนี้ที่จะสามารถดึงความสามารถของซิสเต็มออกมาได้สุดๆเช่นนี้ ดังนั้นแล้วหากท่านต้องการเสียงที่ หวานมาก รายละเอียดเยอะสุดๆ บรรยากาศโอบล้อมและถึงขั้นทำได้แบบข้ามหัวไปข้างหลัง Transparent Musicwave Ultra XL จึงเป็นสายที่คู่ควรมีไว้ในครอบครอง หรือไว้สะสมเป็นอย่างยิ่ง
 

[Review] Wireworld Terra 5 สายสัญญาณราคาพันต้นๆสุดคุ้ม คุ้มที่สุดในโลก !!!


     เมื่อกล่าวถึง Wireworld แน่นอนว่าไม่มีใครไม่รู้จักในวงการสาย Digital อย่าง HDMI USB ชื่อชั้นของ Wireworld ต้องถูกกล่าวถึงมาเป็นลำดับต้นๆอย่างแน่นอน ส่วนสายอื่นๆอย่างพวกสาย Analog อื่นๆชื่อชั้นในต่างประเทศอย่าง อเมริกา หรือ ญี่ปุ่น ก็โด่งดังมากไม่แพ้กัน วันนึงผมได้ไปเจอ Wireworld Terra 5 ซึ่งเป็นสาย Analog รุ่นเล็กสุดของ Wireworld เป็นรุ่นเก่าแก่โบราณที่คาดว่าน่าจะยังผลิตอยู่ใน USA จึงได้ซื้อเหมายกกองมาลองประกอบดู สายเส้นนี้จะมีลีลาเป็นยังไงบ้างเราไปชมรีวิวกันเลย

http://smarturl.it/partch

    แม้ว่าสายเส้นนี้จะเป็นรุ่นเล็กสุด และไม่ได้คาดหวังกับเสียงที่ให้ได้มาก่อนก็ตาม แต่กระนั้นสายเส้นนี้ได้ให้รายละเอียดได้เยอะมาก ได้ความใส สะอาด อีกทั้งยังไม่ได้บีบเค้นเสียงแหลมออกมาเหมือนสายราคาถูกๆ เพื่อให้ฟังดูรู้สึกกรุ๊งกริ๊งตามประสามือใหม่ชอบ แต่เสียงแหลมกลับทำได้อย่างพอเหมาะ ไม่มีอาการบาดหูให้ได้ยินเลย เสียงร้องก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน ให้ความสะอาด สดใส เปิดโปร่ง ยิ่งฟังก็ยิ่งน่าหลงไหล อีกทั้งมีเสียงเบสคลอเคลียมาบ้าง ทำให้ไม่รู้สึกว่าเสียงบางแต่อย่างใด สรุปแล้วเป็นสายที่คุ้มค่าสุดๆสำหรับคนที่อยากได้สายดีๆชื่อดังระดับโลก และเป็นของจาก USA จริงๆ ในราคาไม่เกิน 3 พันบาท ก็คู่ควรแก่การเอาไปประกับในซิสเต็มชุดเล็กๆ ได้เป็นอย่างดี




สั่งซื้อ >> Wireworld - Terra - 1m - RCA (Neutrik Gold) <<

สนใจสามารถติดต่อเข้ามาเพื่อสอบถามได้เลยครับ สินค้ามีไม่เยอะหากหมดแล้วก็จะหมดไปเลยเนื่องจากเป็นของหายากครับ เลิกผลิตไปนานแล้ว

Irene Audio
 
Line: cchalerm

www.ireneaudio.comhttp://line.me/ti/p/WkEwlLUmW_www.ireneaudio.com/shop

smarturl.it/partch

[Review] ปลั๊กผนัง Eagle รุ่นโบราณที่ยังผลิตใน USA


     สวัสดีครับ ไม่ได้เขียนมาซะนานวันนี้ได้ของเล่นหายากสุดๆมาใหม่ก็เลยมีรีวิวกันให้ฟังซะหน่อย ของเล่นที่ว่านั่นก็คือเจ้าปลั๊กผนังยี่ห้อ Eagle (เลิกผลิตไปหลายสิบปีแล้ว) ตัวนี้ได้มาแบบ NOS หรือว่า New Old Stock นั่นเอง เรียกว่าใหม่เอี่ยมแกะกล่อง Seal ไว้อย่างดี ไม่มี Oxide เกาะเลยแม้แต่น้อย และได้มาถึงสองรุ่น ไปดูรีวิวกันเลยดีกว่าว่าแนวเสียงนั้นจะเป็นยังไง


      มาดูรูปด้านหน้ากันก่อนเลย สำหรับตัวนี้เป็นรุ่น 20 Amp มีช่องเสียบให้เสียบปลั๊กขาแบนที่มาจาก US หรือ Japan ได้ทั่วไปพร้อมทั้งรองรับหัวเสียบแบบ 20 Amp อีกต่างหาก ส่วนมากปลั๊กที่เล่นกันในประเทศก็เป็นขาแบนอยู่แล้วดังนั้น 99% น่าจะเสียบได้ทั้งหมด


     พอพลิกด้านหลังมาดู โอ้โหตกใจไม่เคยเห็นการทำบอดี้แบบนี้มาก่อน ไม่รู้ใช้วัสดุเป็นเรซิ่นหรือพลาสติกแต่ทำเป็นลวดลายหินอ่อนด้านหลังทำให้รู้เลยว่าสมัยก่อนพิถีพิถันเรื่องการออกแบบจริงๆ ไม่ได้เน้นลดต้นทุนเหมือนของสมัยนี้เลย

     การเชื่อมต่อนั้นสมัยก่อนจะใช้หางปลาเพื่อให้หน้าสัมผัสมีการแนบสนิทและแน่นที่สุด ซึ่งจะแตกต่างจากของสมัยนี้ที่ทำรูไว้ให้เอาสายไฟเสียบเข้าไปแล้วขันล็อคได้อย่างรวดเร็ว ส่วนตัวแล้วผมชอบแบบใส่หางปลามากกว่าเพราะว่าเชื่อมต่อได้สวยงามและแน่นหนาดีจริงๆ (เราไม่ใช่ช่างไฟที่ทำกันเป็นร้อยๆอันเนาะ ทำใช้ในบ้าน 3-4 อันทำยากๆเนี๊ยบๆดีกว่า เรื่องสะดวกสบายน่ะช่างมันเถอะ)


     แน่นอนครับ งานเกรดเนี๊ยบทุกจุดขนาดนี้ ต้อง Made in USA แน่นอน สมัยนี้จะหาคำว่า Made in USA แบบนี้เรอะ ฝันไปเถอะ

http://smarturl.it/partch

     แนวเสียง หลังจากที่ได้ทดลองเปลี่ยนปลั๊กตัวนี้สลับเข้าไปแทนของเดิม เรียกได้ว่าเสียงที่ได้มันเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน คือทำให้รู้เลยว่าเจ้าปลั๊กที่ผมเคยใช้อยู่ไม่ว่าจะเป็น Wattgate 381G, Furutech, FIM, Oyaide, PS Audio, Hubbell, Leviton, Cooper, Salzer ทั้งหมดให้แนวเสียงออกมาแตกต่างกันก็จริงแต่มีแนวเสียงเป็นสมัยใหม่กว่าเจ้า Eagle ตัวนี้ เจ้า Eagle ตัวนี้ให้แนวเสียงที่มีเอกลักษณ์ของตัวเองพอตัว กลิ่นอายในดนตรีแบบเก่าๆ ไม่ได้เน้นเสียง กลางแหลม ชัดๆเหมือนสมัยใหม่ ทำให้รู้สึกถึงอารมณ์ในวันวานได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าไม่ได้ดีที่สุดแต่ก็น่าหลงไหลในระดับนึงเลยหละ


ตัวถัดมาเป็นรุ่นที่สูงกว่ารุ่นนึงที่เรียกว่า Spec Grade หรือเป็นเกรดที่ใช้ในอุตสาหกรรมนั่นเอง ตัวนี้จะแตกต่างกับอีกตัวนึงตรงที่ บอดี้จะดูมีความทนทานมากกว่า เสียบได้แน่นกว่า (จริงๆอยากจะหาข้อมูลให้ได้มากกว่านี้นะ แต่ของมันเก่าแล้วก็ไม่รู้จะไปหาจากไหนแล้ว)


รูเสียบเป็นแบบขาแบนเหมือนกันแต่ตัวนี้เป็นสเปค 15 Amp เพราะฉะนั้นจะไม่มีขาขวางๆของ 20 Amp มาให้ใช้ (แต่ใครจะสนล่ะ ไม่เคยเห็นใครเอาหัวปลั๊ก 20 Amp มาใช้เลย)


     ด้านหลังจะพัฒนาขึ้นมาเป็นเหมือนสมัยใหม่หน่อย ที่เอาสายไฟเสียบเข้าไปแล้วขันล็อคได้เลย
น้ำเสียงที่ได้ก็จะมีความคล้ายกับ Eagle รุ่นธรรมดา แต่ว่าให้ความกระชับ มีน้ำหนักที่มากกว่าเล็กน้อยแต่ยังคงแนวเสียงสไตล์เก่าๆไว้ได้เหมือนกันไม่มีผิด

     สรุป ปลั๊ก Eagle ทั้งสองตัวนี้ให้แนวเสียงไปในแนวเพลงสมัยก่อน ไม่ได้ดีที่สุด แต่ก็น่าหลงไหลชวนลวง เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบในชุดวินเทจ หรือ ชอบฟังเพลงแบบสบายๆไม่ได้นั่งจับผิดเสียง ไม่ชอบแหลมชัดๆ กลางเยอะๆ ชอบฟังบรรยากาศและอารมณ์ของเพลง ปลั๊ก Eagle เป็นอีกหนึ่งตัวที่ชวนให้มีสะสมไว้ในชุดของท่านครับ

     สนใจสามารถติดต่อเข้ามาเพื่อสอบถามราคาได้เลยครับ สินค้ามีไม่เยอะหากหมดแล้วก็จะหมดไปเลยเนื่องจากเป็นของหายากครับ เลิกผลิตไปนานแล้ว

Irene Audio
Line: cchalerm

www.ireneaudio.comhttp://line.me/ti/p/WkEwlLUmW_www.ireneaudio.com/shop

smarturl.it/partch

[Review] รีวิว Onkyo HT-S3700 ชุดโฮมเธียเตอร์เล็กๆราคาสุดคุ้ม

http://goo.gl/xaT2hz

     ตลาดคอนโดมิเนียมกำลังเติบโตถึงขีดสุดหลายคนได้ซื้อหาจับจองเป็นเจ้าของกันอย่างมากมาย เชื่อว่าหลายๆท่านอยากจะมีชุดโฮมเธียเตอร์เล็กๆสักชุดนึงไว้ดูหนังฟังเพลงในคอนโดแต่งบประมาณก็มีไม่มากนัก วันนี้เราจะมารีวิวเจ้า ชุดโฮมเธียเตอร์เล็กๆราคาเบาๆอย่างเจ้า Onkyo HT-S3700 กันให้ฟัง เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อชุดโฮมเล็กๆสักชุดนึงมาไว้ประดับบ้านใหม่ครับ

http://smarturl.it/partch
 
Onkyo HT-S3700 เป็นแอมป์ขนาดเล็กที่มีกำลังขับ 120w/ch ที่ 6 โอห์ม 5.1 channel มาพร้อมกับ 6 hdmi input และ 1 output ถอดรหัสเสียง Dolby True-HD และ DTS Master Audio ได้ อีกทั้งยังมีช่องเสียบ USB สำหรับเล่นเพลงจากแฟลชไดรฟ์และยังมี bluetooth ใช้เชื่อมต่อกับ smart phone เพื่อฟังเพลงและยังสามารถฟังวิทยุได้อีกด้วย เรียกว่าประโยชน์ใช้สอยคุ้มค่าและมีการเชื่อมต่อที่หลากหลายจริงๆครับ

http://goo.gl/xaT2hz

     ในกล่อง Onkyo HT-S3700 จะมีลำโพงมาให้ 5 ตัว ประกอบด้วยลำโพงคู่หน้า ลำโพงเซ็นเตอร์ ลำโพงเซอร์ราว และ อีก 1 ซับวูฟเฟอร์ รวมถึงสายลำโพงที่แถมมาให้พร้อมใช้งานอีกด้วย

http://goo.gl/xaT2hz

     รีโมทของ Onkyo HT-S3700 มีฟังชันก์ให้ใช้มากมายอาจจะดูกดยากไปสักนิดนึงแต่ว่าพอใช้จริงๆก็ใช้ไม่กี่ปุ่ม ดังนั้นถึงไม่ต้องไปกังวลกับความซับซ้อนของรีโมทเลยครับ

     ในเรื่องของเสียงที่ได้ Onkyo HT-S3700 ก็ถือว่า อยู่ในระดับที่คุ้มค่าคุ้มราคากับค่าตัว ให้เสียงที่ดังเกินขนาดลำโพงและบรรยากาศรายล้อมเพียงพอต่อการใช้งานในห้องเล็กๆหรือคอนโดมิเนียมได้เป็นอย่างดี เห็นเล็กๆแบบนี้เสียงดังเอาเรื่องถึงขั้นคนชั้นอื่นโทรมาด่าได้เลยนะครับถ้าเปิดดังมากๆ

     เจ้า Onkyo HT-S3700 เป็นชุดโฮมเธียเตอร์ที่คุ้มค่าคุ้มราคาในระดับราคาหมื่นต้นๆและได้ของครบๆจบในงบน้อยๆสบายกระเป๋า จะดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ฟังวิทยุ ก็สามารถทำได้เป็นอย่างดีแถมยังมีฟังก์ชั่นบลูทูธมาให้ใช้งานอีกต่างหาก สะดวกสบายทั้งการใช้งานและเงินในกระเป๋าด้วยครับ

http://goo.gl/xaT2hz

[Knowledge] มาทำความรู้จักวัสดุที่ใช้ทำกรวยลำโพงกันดีกว่า

 

     ผมเชื่อว่าหลายท่านต้องเคยสงสัยเวลาเลือกทำโพงคู่ใจสักคู่นึงว่าเราจะรู้ได้อย่างไรและลำโพงแต่ละคู่มีแนวเสียงอย่างไร อะไรที่จะบอกเราเบื้องต้นได้ สิ่งนั้นคือวัสดุที่ใช้ทำกรวยลำโพงนั่นเองครับ วันนี้ผมจะพาทุกท่านไปรู้จักวัสดุที่ใช้ทำกรวยลำโพงในแต่ละชนิดว่ามีเสียงแตกต่างกันอย่างไร

     ดอกลำโพงแต่ละดอกจะมีบุคลิกเสียงแบบไหนอย่างไร วัสดุที่ใช้ทำกรวยลำโพงถือเป็นส่วนที่สำคัญมากๆ บุคลิกเสียงจะโดนเด่นออกไปทางโทนเสียงใดก็ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ทำกรวยลำโพงนี่แหละครับ วัสดุที่ใช้แต่ละชนิดมีการให้ตัว เคลื่อนที่ ยืดหยุ่นต่างกัน ดังนั้นจึงให้เสียงที่ต่างกันด้วยเราไปดูกันดีกว่าว่าวัสดุแบบไหนจะให้เสียงอย่างไร

กรวยกระดาษ (Paper Cone)

 
Sonus Faber ตัวนี้เป็นกระดาษผสม

      ฟังไม่ผิดหรอกครับมันทำมากจากกระดาษจริงๆ กรวยกระดาษนี่มีใช้กันมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบันก็ยังมีใช้อยู่ เรียกได้ว่าเป็นวัสดุยอดฮิตในการทำกรวยลำโพงมาทุกสมัยจริงๆ ด้วยข้อดีที่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักที่เบา คงรูปได้ดี มีความเพี้ยนต่ำอีกทั้งยังให้เสียงที่เป็นธรรมชาติอีกด้วย ส่วนข้อเสียก็คงจะเป็นเรื่องความทนทานที่ไม่เท่าวัสดุสังเคราะห์แน่ๆ จึงมีการคิดค้นน้ำยาต่างๆเพื่อมาเคลือบปกป้องกรวยลำโพงกระดาษกัน และเสียงก็จะเปลี่ยนไปตามน้ำยาที่เคลือบด้วย

กรวยลำโพงโพลีโพรไพลีน (Polypropylene cone speaker)


NHT กับกรวยแบบ Polypropylene(สีดำ) และ อลูมินั่ม (สีเงิน)

     เป็นวัสดุสังเคราะห์จำพวกพลาสติก รวบรวมข้อดีของวัสดุอื่นๆมาไว้ด้วยกัน ขึ้นรูปได้ง่าย มีน้ำหนักที่เบาทำให้ขับได้ง่ายไม่กินวัตต์ บุคลิกเสียงของกรวยลำโพงประเภทนี้ไม่สามารถบ่งบอกได้โดยเฉพาะเพราะว่าขึ้นอยู่กับกระบวนการผลิต PP ว่าจะนำสารอะไรไปผสมบ้าง แต่โดยรวมแล้วมักจะให้เสียงโดยรวมที่สมดุล ทำแรงปะทะได้ดี เก็บตัวดี แต่อาจจะให้เสียงที่ไม่เป็นธรรมชาตินักเมื่อเทียบกับกรวยกระดาษ และไม่ทนต่อภาวะอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ เพราะจะทำให้กรวยลำโพงเสียรูปได้ แต่วัสดุประเภทนี้จะพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆตามยุคสมัย ก็จะสามารถขจัดปัญหาที่มีออกไปเรื่อยๆได้
    
กรวยลำโพงอะลูมินั่ม (Aluminum cone speaker)


ถ้าพูดถึงกรวยอลูมินั่มแล้วก็ต้องมี Klipsch เป็นหนึ่งในนั้นอย่างแน่นอน
      วัสดุอลูมินั่ม บุคลิกเสียงจะให้เสียงที่กระชับเก็บตัวดี จังหวะจะแจ้งดี ให้เสียงที่ก้องกังวารใส เรียกว่าถ้าได้แอมป์ดีๆก็จะสามารถควบคุมลำโพงได้ดั่งใจเนื่องจากสามารถรองรับกำลังขับได้สูง แต่ถ้าแอมป์ที่ไม่มีเรี่ยวแรงเสียงก็จะเฉื่อยๆและจะเก็บตัวได้ไม่ดีนัก ข้อดีก็คือมีความแข็งแรงและความทนทานต่ออุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงสูง ข้อเสียก็คือการผลิตที่ยากเนื่องจากต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต

กรวยลำโพงเคฟล่าร์ (Kevlar cone speaker)

ถ้าพูดถึงกรวยเคฟลาร์แล้วจะก็ชื่อ B&W ลอยมาก่อนแน่นอน
     เป็นวัสดุประเภทใยสังเคราะห์อาบน้ำยาพิเศษ ที่พบเห็นส่วนมากก็จะเป็นสีเหลืองอย่างลำโพงของ B&W หรือสีดำ มีน้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่นดี และคงทนมาก ให้บุคลิกเสียงที่เสียงลื่นไหลต่อเนื่อง เก็บรายละเอียดเล็กๆได้ดี แต่อาจจะขาดเรื่องแรงปะทะเสียงเบสและเสียงกลางไปสักนิดนึง (แต่ไม่เสมอไปนะครับ) เหมาะสำหรับฟังเพลสบายๆไม่ว่าจะเป็น Bossanova Jazz Acoustic และส่วนมากเป็นดอกลำโพงที่ไม่กินวัตต์ 

http://smarturl.it/partch

กรวยลำโพงวัสดุผสม (Composites cone speaker)
 
      ปัจจุบันเทคโนโลยีการผลิตมีการพัฒนาไปเรื่อยๆจึงมีการนำวัสดุต่างชนิดมาผสมผสานขึ้นรูปผลิตกรวยลำโพง ซึ่งกรวยลำโพงประเภทนี้ผลิตขึ้นมาเพื่อแก้ไขข้อเสียของกรวยลำโพงแบบต่างๆ ไม่สามารถบอกบุคลิกเฉพาะตัวได้ และส่วนมากมีราคาสูง แนะนำให้ไปฟังเองจะดีกว่า


     เป็นยังไงบ้างครับรู้จักวัสดุทำกรวยลำโพงกันไปบ้างแล้ว ที่จริงยังมีอีกหลายชนิดมากๆที่นำมาทำกรวยลำโพงกันแต่ว่าวัสดุชนิดที่กล่าวข้างต้นเป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมและเราเห็นกันบ่อยๆกันเองครับ ซึ่งถ้าเข้าใจคุณสมบัติเฉพาะตัวของวัสดุแต่ละประเภทแล้วละก็ ท่านก็คงจะพอเดาแนวเสียงของลำโพงแต่ละคู่ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้แปลว่าสิ่งที่เห็นจะเป็นเหมือนอย่างเสียงที่ได้ยินเนื่องจากวัสดุศาสตร์พัฒนาไปทุกวัน และยังมีองค์ประกอบอื่นอีกทั้งการออกแบบตู้ลำโพง หรือการเลือกจับคู่กับแอมป์เพื่อให้ได้เสียงที่เราชอบ สุดท้ายแล้วก็ขอแนะนำว่าถ้าต้องการหาซื้อลำโพงสักคู่นึง ยังไงก็ควรจะไปลองฟังดูเองนะครับ

"หูเค้าไม่ใช่หูเรา เค้าชอบเราอาจจะไม่ชอบก็ได้" 

Irene Audio
Line: cchalerm

www.ireneaudio.comhttp://line.me/ti/p/WkEwlLUmW_www.ireneaudio.com/shop

smarturl.it/partch