Deal of The Day !!!

[Review] รีวิว สายสัญญาณ Nordost Blue Heaven 2

smarturl.it/shop-ireneaudio

     สวัสดีครับ จากคราวที่แล้วเราปล่อยบทความของ Transparent ไปให้อ่าน วันนี้มาเปลี่ยนบรรยากาศกลับมาที่สายระดับเริ่มต้นพื้นๆกันบ้างดีกว่า วันนี้จะเป็นคิวของรีวิวสายสัญญาณยอดนิยมอย่าง Nordost Blue Heaven 2 เดี๋ยวจะมารีวิวให้ฟังกันว่าอะไรคือจุดเด่น จุดด้อย และเสียงของสายเส้นนี้เป็นยังไง ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันได้เลยครับ

     ถ้าพูดถึงสาย RCA ในระดับเริ่มต้นของนักเล่นเครื่องเสียงรับรองว่าต้องมี Nordost อยู่ในกลุ่มที่มีคนพูดถึงที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย โดนปกติแล้วจุดสังเกตุที่โดดเด่นของ Nordost คือสายที่แบนเป็นแผ่น แต่ในปัจจุบัน Nordost ได้เปลี่ยนกลับมาใช้สายกลมเหมือนทั่วไป

     แนวเสียงของ Nordost Blue Heaven 2 ก็ยังคงสไตล์เดียวกับ Blue Heaven รุ่นเดิมไม่มีผิดเพี้ยน คือเน้นไปในทางรายละเอียดของเสียงแหลม และความพริ้วไหวของปลายเสียงที่ระเอียดระยิบระยับ แถมยังเพิ่มเติมน้ำหนักเสียงขึ้นมามากกว่ารุ่น Blue Heaven เดิมนิดนึงทำให้ความรู้สึกตอนฟังว่า เสียงมันบางน้อยกว่ารุ่นก่อนๆแฮะ ส่วนเสียงกลางและเสียงเบสอาจจะอ่อนไปนิดนึงเนื่องจากเป็นรุ่นที่ค่อนข้างเล็กของ Nordost ก็จะไม่ขอเรียกว่าเป็นจุดด้อยของรุ่นนี้แล้วกันเนื่องจากว่าปกติแล้ว กว่าที่เราจะได้เสียงกลางที่ใหญ่หนา หรือเสียงเบสที่อิ่มอวบ มีน้ำหนักมีมวล ก็ต้องข้ามไปเล่นกันถึงรุ่นสูงๆแล้ว ดังนั้นการที่ Nordost Blue Heaven 2 จะมีเสียงกลาง และ เสียงเบส ที่ออกไปในทางเบาบางก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร



     การเชื่อมต่อ โดยส่วนมากจะใช้จาก CD หรือ DAC ซะเป็นส่วนใหญ่ไม่ค่อยเห็นใครนำไปต่อจาก Pre Amp ไป Power Amp ซักเท่าไรนัก ตัวผมเองก็ไม่เคยลองซะด้วยสิ เอาเป็นว่าถ้าใครมีโอกาสลองก็ฝากลองเผื่อผมหน่อยแล้วกันนะครับ แล้วมาพูดคุยแลกเปลี่ยนกันก็ยินดีครับ

     สรุป Nordost Blue Heaven 2 ก็เรียกได้ว่าเป็นสายยอดนิยมสำหรับนักเล่นทุกท่านไม่ว่าจะมือใหม่หรือมือเก๋าผมคิดว่าทุกคนก็ล้วนจะต้องได้เคยลองสาย Nordost Blue Heaven นี้กันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นซีรี่รุ่นเก่าที่เป็นสายแบนหรือรุ่นปัจจุบันที่เป็นสายกลม สุดท้ายนี้ก็ขอยกให้เป็นสายเส้นนึงที่หามาเล่นได้เพื่อสั่งสมประสบการณ์ครับ วันนี้ก็ต้องขอลากันไปแค่นี้สวัสดีครับ

Irene Audio
Line: cchalerm


www.ireneaudio.comhttp://line.me/ti/p/WkEwlLUmW_www.ireneaudio.com/shop


https://www.citibank.co.th/th/mc/index.html?icid=CC045T

[Knowledge] มาทำความรู้จักรุ่นของสาย Transparent กันดีกว่า XL, MM, MM2 มันคืออะไร !!?


     สวัสดีครับ วันนี้จะมาอธิบายปัญหาคาใจของหลายๆคนที่สับสนในเรื่องรุ่นของสาย Transparent ว่ามีที่มาที่ไปยังไง XL, MM, MM2 นี่มันคือรุ่นไหน หรือมันคืออะไร เดี๋ยวจะไล่ให้กระจ่างแจ้งเข้าใจกันง่ายๆวันนี้เลยครับ ก่อนที่จะเริ่มอธิบายกันก็จะขอเล่าประวัติของ Transparent อย่างคร่าวๆซักเล็กน้อย ซึ่งอาจจะมีคลาดเคลื่อนไปบ้างนะครับเพราะว่าผมก็หาข้อมูลเอาจากแหล่งต่างๆที่หาได้จากกูเกิลนี่แหละ

     Transparent เนี่ยหลังจากที่แยกตัวออกจาก MIT ในปี 1985 แล้ว ก็ได้เริ่มปล่อยสายในชื่อ Transparent ออกมาสู่ตลาดในปี 1993 และก็ได้พัฒนาสายมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน ผมจะขอไม่อธิบายในทุกรุ่นและทุกสายของ Transparent นะครับเพราะว่ามันมีเยอะมากๆและผมก็คงจำได้ไม่หมดด้วย จะขอกล่าวถึงสายลำโพง สายสัญญาณ RCA/XLR และสายไฟที่เราเจอกันบ่อยๆก็น่าจะเพียงพอทำให้เข้าใจกันแล้วว่าไอ้คำว่า XL, MM, MM2 ของ Transparent ที่เราเห็นกันเนี่ยมันคืออะไร




การตั้งชื่อของสาย Transparent แบ่งออกเป็นดังนี้

1. สายสัญญาณ RCA/XLR จะใช้คำว่า "Link" อยู่ในชื่อ
2. สายลำโพง จะใช้คำว่า "Wave" อยู่ในชื่อ
3. สายไฟ จะใช้คำว่า "Power" รวมอยู่ในชื่อ

ส่วนสายประเภทอื่นไม่แน่นอนครับ มีการเปลี่ยนแปลงที่หลากหลายมาก

เรามาดูชื่อรุ่นของ Transparent ในอดีตโดยคร่าวๆที่เราเจอกันบ่อยๆดีกว่าว่ามันมีชื่อรุ่นอะไรบ้าง

สายสัญญาณ 

เรียงลำดับรุ่นเล็กไปหารุ่นใหญ่

- Transparent The Link 100
- Transparent The Link 200
- Transparent Music Link
- Transparent Music Link Plus
- Transparent Music Link Super
- Transparent Music Link Ultra
- Transparent Music Link Reference

สายลำโพง

เรียงลำดับรุ่นเล็กไปหารุ่นใหญ่

- Transparent The Wave 100
- Transparent The Wave 200
- Transparent Music Wave
- Transparent Music Wave Plus
- Transparent Music Wave Super
- Transparent Music Wave Ultra
- Transparent Music Wave Reference

สายไฟ 

 เรียงลำดับรุ่นเล็กไปหารุ่นใหญ่

- Transparent Power Link Plus 
- Transparent Power Link Super
- Transparent Reference Power Link


มาถึงส่วนสำคัญที่ทำให้คนงงแล้วครับว่า XL, MM, MM2 มันคืออะไร

     ผมขอเรียกง่ายๆว่ามันคือ Generation ของสายนั่นเอง ถ้าเปรียบเทียบกับรถยนต์จะเห็นภาพได้ชัดเจนมา ก็คงจะเหมือนอย่าง Honda Civic 1992 (EG - เตารีด), Civic 1996 (EK - ตาโต), Civic 2001 (ES - Dimension), Civic 2006 (FD - นางฟ้า) อะไรแบบนี้เป็นต้นครับ

     เริ่มแรกสายของ Transparent จะไม่มีตัวหนังสือต่อท้ายเลย พวกนี้อยู่ในช่วงประมาณปี (1985-1997) ยาวนานมากทีเดียวครับ สาย Transparent ในยุคนั้นก็จะมีชื่อโดยประมาณดังนี้ครับ (อาจมีการจำคลาดเคลื่อนนะครับ ข้อมูลที่ถูกต้องหายากมาก พอดีผมเกิดไม่ทัน 555) และต่อมาก็กลายเป็นเทคโนโลยี XL ในปี (1997-2002) แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีเรื่องให้สับสนอยู่ตามสไตล์ของ Transparent นั่นคือรุ่น XL ก็ยังมีขายอยู่เป็นรุ่นปัจจุบันในซีรี่สูงๆ ถัดมาเป็นรุ่น MM ในปี (2002 - 2008) และต่อด้วยรุ่น MM2 จนถึงปัจจุบัน (ตอนนี้ปี 2016)

Part ตัวอย่าง

     ยกตัวอย่างมาหนึ่งรุ่นที่ Transparent ทำให้เห็นรุ่นชัดเจนที่สุดและมีมาตั้งแต่ Generation แรกๆนั่นคือ Transparent Ultra (ทั้งสายลำโพงและสายสัญญาณ ไม่ยักกะมีสายไฟแฮะแต่มีเครื่องกรองไฟ งงอีกแล้ว)

     - Transparent Music Link Ultra (1985-1997)
     - Transparent Music Link Ultra XL (1997-2002)
     - Transparent Music Link Ultra MM (2002-2008)
     - Transparent Music Link Ultra MM2 (2008-ปัจจุบัน) 

เพียงแค่นี้ Transparent ก็ยังสร้างความสับสนมึนงงให้คนเล่นไม่พอเพราะ พี่แกไม่แปะ XL MM MM2 ไว้ทุกซีรี่นี่สิ 555 บางซีรี่ต้องสังเกตุตามสีป้ายเอาอย่างเช่น 

     - Transparent Music Link Plus จะเป็นสายสีขาวกระเปาะพลาสติกเหลี่ยมสีดำตัวหนังสือสกรีนทอง
     - Transparent Music Link Plus XL จะเป็นสายสีขาวกระเปาะพลาสติกเหลี่ยมสีดำตัวหนังสือนูนทอง
     - Transparent Music Link Plus MM จะเป็นสายสีขาวกระเปาะพลาสติกมนๆป้ายดำตัวหนังสือแดง 
     - Transparent  Music Link Plus MM2 จะเป็นสายสีขาวกระเปาะพลาสติกมนๆป้ายทอง
     - Transparent  Music Link Plus ณ ปัจจุบันไม่แน่ใจว่าเลิกใช้คำว่า MM2 ไปรึยัง แต่กลายเป็นสายสีเทาเข้มๆกระเปาะดำไปแล้ว

      และทั้งหมดนี้ ไม่มีสกรีน XL, MM, MM2 ที่แยก Generation ต่อท้ายจ้า 555 จะมีแต่ MM กับ MM2 ที่ซ่อนไว้กับ Serial No. ด้านหลัง (แต่ดันเป็นสติกเกอร์แปะมา คนที่จำรุ่นได้ไม่หมดสติกเกอร์หายไปก็ซวยอีก)

     ก่อนที่จะงงไปมากกันกว่านี้ขออนุญาติจบตรงนี้แค่เรื่องพื้นฐานมากๆที่จะทำให้คุณรู้จัก Transparent ขึ้นมาอีกเยอะเลย แต่ถ้าจะจำได้ทั้งหมดผมบอกได้เลยว่าที่ผมเล่าไปน่าจะเป็นแค่ 10% ของ Transparent เท่านั้นเอง เพราะนี่ยังไม่ได้รวมถึงว่าใน Generation เดียวกัน สายทำมาหน้าตาไม่เหมือนกัน และยังไม่รวมถึง RCA/XLR ที่แตกต่างกันอีก ให้พักสายตากัน 10 วินาทีแล้วไปต่อกันที่

รุ่นแรก, XL, MM, MM2 เสียงต่างกันมั้ย?

     ขออีกนิดเดียวครับจะจบแล้วไม่นาน ว่ากันด้วยเรื่องเสียงของสายในแต่ละ Generation นั้นมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนครับ จุดที่ผมว่าต่างกันมากที่สุดขอยกให้เป็น สำเนียง และ บรรยากาศ ที่ในแต่ละ Generation นั้นมีความแตกต่างกันมากที่สุด แต่จะต่างกันยังไงนั้น ต้องลองฟังเองครับผม วันนี้ลากันไปเพียงเท่านี้ครับสวัสดีครับ 

 
Irene Audio
Line: cchalerm

www.ireneaudio.comhttp://line.me/ti/p/WkEwlLUmW_www.ireneaudio.com/shop

https://www.citibank.co.th/th/mc/index.html?icid=CC045T

[Review] รีวิว สายไฟ Wireworld Electra 7


     วันนี้ก็ได้ฤกษ์รีวิวเจ้าสายไฟที่เป็นหนึ่งในสายไฟที่ผมชื่นชอบเสียงที่สุด นั่นก็คือเจ้า Wireworld Electra 7 นั่นเอง สายไฟเส้นนี้เป็นสายไฟที่เริ่มกระโดดมาอยู่ในระดับ Mid-end ถึง เริ่มๆ Hi-end แล้ว เพียงแต่ว่าราคาไม่กระโดดตามขึ้นไปด้วยน่ะสิ เป็นมิตรกับกระเป๋าดีเหลือเกิน แล้วเจ้าสายไฟ Wireworld Electra 7 เส้นนี้มันมีดียังไงบ้าง ผมถึงยกให้เป็นสายในชุดที่ชื่นชอบที่สุด เราไปอ่านรีวิวกันเลยครับ

     สายไฟ Wireworld Electra 7 เส้นนี้ ให้แนวเสียงแตกต่างไปจากทั้ง Wireworld Stratus และ Wireworld Aurora ที่เน้นโทรเสียงไปทางกลางแหลมที่กระจ่างสดใส แต่ Wireworld Electra 7 นั้นให้แนวเสียงที่ หนักแน่น มีพลัง เสียงอิ่มหนา ใหญ่ มีน้ำหนักเสียงที่ดีมาก มีเสียงกลางที่ใหญ่ หนา มีเนื้อเสียงที่ชัดเจนและมีคุณภาพมากๆ ถึงสายไฟ Wireworld Electra 7 จะเน้นเสียงไปทางมิดเรนจ์ และ เบส กระนั้นก็ไม่ทำให้เสียงแหลมด้อยลงไปเลย มีเสียงแหลมเปิดกว้างชัดเจน ไม่อุดอู้ไม่บาดหู อีกด้วย

     สายไฟ Wireworld Electra 7 เหมาะกับการนำไปใช้กับ Integrated Amp หรือ Power Amp เป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากให้พละกำลังที่ดีมากๆ ให้เสียงเบสที่ใหญ่ ลงลึก การควบคุมเสียงเบสก็ทำได้ดีมาก ไม่มีอาการเบสบวมหรือเบสล้นให้เห็นเลย เป็นสายที่สามาถควบคุมเสียงโดยรวมได้อย่างดีสุดๆ แต่ถึงจะแนะนำว่าเหมาะกับการใช้กับ Integrated Amp หรือ Power Amp แต่การนำไปใช้กับ CD หรือ DAC หรือแม้กระทั่ง Preamp ก็ให้เสียงที่ดีมากๆด้วยเช่นกัน ถึงเสียงที่ได้จะไม่ได้ออกไปในทางโทนเสียงหวานเหมือน Wireworld Aurora 7 แต่ว่าให้น้ำหนักเสียงและความชัดเจนของตัวโน๊ตรวมถึงเนื้อเสียงที่มากกว่าอีกด้วย

     สายไฟ Wireworld Electra 7 สามารถนำไปฟังได้หลายแนวเพลง แต่แนวเพลงที่แสดงเสียงออกมาได้อย่างโดดเด่นนี่ส่วนตัวผมว่าเป็นเพลงที่เน้นร้องที่ใหญ่ๆและเสียงเบสในการนำเสนอ อย่างพวกเพลงของคุณสุเทพ วงกำแหง เพลงของ เอลวิส เพรสลี่ หรือแม้กระทั่งเพลงแจ๊สที่ใช้ดับเบิลเบส ในการนำเสนอเพลงอย่างโดดเด่น จังหวะจะโคน น้ำเสียงที่ได้มีชีวิตชีวาดีจริงๆ

     สรุป สายไฟ Wireworld Electra 7 เส้นนี้ผมยกให้เป็นสายสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการฟังเพลงหรือที่เรียกว่านักฟังเพลงสาย Music Lover สายไฟ Wireworld Electra 7 อาจจะไม่ได้แสดงความคมชัดออกมาในแนวเพลงพวก Audiophile แต่กระนั้นสำหรับผมที่ชื่นชอบการฟังเพลงโดยไม่ได้ฟังจับผิดก็ยกให้เป็นสายไฟที่อยู่ในระดับแนวหน้าเรียกได้ว่าเป็น Top 5 ของสายที่ชื่นชอบแล้วกัน (ใครที่โทรมาคุยกับผมบ่อยๆจะรู้เลยว่าผมชอบสายอะไรบ้าง) และท้ายที่สุดผมบอกได้คำเดียวว่าลืมคำว่า "เสียงบาง" ไปได้เลยถ้าท่านได้รู้จักกับสายเส้นนี้ ขอแนะนำให้ลองกันดูครับ รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

     ใครสนใจ ก็สั่งซื้อได้ทาง Online Store ที่สามารถเก็บเงินปลายทางหรือชำระเงินด้วยบัตรเครดิตได้พร้อมส่วนลดต่างๆมาก มาย หรือจะไปซื้อตามร้านตัวแทนจำหน่ายอย่าง ร้าน Taan@อัมรินทร์ พลาซ่า และ LennShop ซีคอนสแควร์ ศรีนคินทร์ ก็ได้เลยครับ หรือจะโทรมาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสั่งซื้อกับทาง Irene Audio ก็ยินดีครับ เข้ามาที่ Facebook แฟนเพจได้เลยครับ สินค้า Wireworld รับประกัน Limited Lifetime ครับ ใช้งานปกติไม่แตกหักถ้าเสียเปลี่ยนตัวใหม่ไปเลยครับ





Irene Audio
Line: cchalerm

www.ireneaudio.comhttp://line.me/ti/p/WkEwlLUmW_www.ireneaudio.com/shop

https://www.citibank.co.th/th/mc/index.html?icid=CC045T
 

[Review] รีวิว สายไฟ Wireworld Aurora 7


http://smarturl.it/shop-ireneaudio

     สวัสดีครับ กลับมาพบกันอีกเช่นเคยกับรีวิวดีๆที่เขียนให้อ่านกันเป็นประจำถึงจะมีอู้งานบ้างก็เถอะ (อู้บ่อยมากบอกเลย 555) ในวันนี้จะมาพูดถึงสายไฟ Wireworld Aurora 7 ที่ขึ้นชื่อในเรื่องเสียงที่นุ่มละมุนหู อ่อนหวาน แล้วในเรื่องอื่นๆจะเป็นยังไงตามไปอ่านกันต่อได้เลยครับ

     สายไฟ Wireworld Aurora 7 เป็นสายไฟรุ่นที่ใหญ่ขึ้นถัดมาจาก Wireworld Stratus 7 ให้แนวเสียงคล้ายๆอัพ Wireworld Stratus 7 แต่ว่ามีรายละเอียดและน้ำหนักเสียงที่มากกว่า ให้บรรยากาศได้ดีเลยทีเดียว อีกทั้งจุดเด่นของ Wireworld Aurora 7 นี้เป็นสายที่ช่วยเสริมให้เสียงร้องมีความหวาน ต่อเนื่องละมุนละไมน่าสัมผัสยิ่งนัก เพลงร้องผู้ ญ สายเส้นนี้ทำได้ดีมากๆอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่สุดโต่งเท่าพวก Transparent Reference ที่เอาดีทางเพลงร้องอย่างเดียว แต่ Wireworld Aurora 7 ยังสามารถฟังเพลงทั่วไปได้เป็นอย่างดีอีกด้วย




     การนำ Wireworld Aurora 7 ไปใช้กับ CD Player หรือ DAC น่าจะเป็นจุดที่ดึงความสามารถของสายไฟเส้นนี้ออกมาได้อย่างโดดเด่นที่สุด ผมจะไม่อธิบายอะไรยากๆนะ เพราะถ้าอยากอ่านรีวิวยากๆผมว่าเวปต่างประเทศทำได้ดีกว่าผมเยอะเลย เอาง่ายๆแค่ว่าถ้าซิสเต็มไหนต้องการให้เสียงร้องหวานขึ้น มีความนุ่มนวลละมุนละไมขึ้น มีบรรยากาศเพิ่มมากขึ้น เอาสายไฟ Wireworld Aurora 7 เส้นนี้ไปเสียบกับ CD Player หรือ DAC นี่จบง่ายๆเลยครับ ผมเทียบระดับความหวานนี่น้องๆ Transparent Reference เลยนะครับ แต่ราคาเป็นมิตรต่อกระเป๋าเงินกว่าเยอะ ถูกกว่ากันหลายเท่าเลยทีเดียว

      การต่อกับ Amplifier ผมจะพูดถึงรวมๆทั้ง Integrate Amp และ Pre-Power นะครับ สายไฟ Wireworld Aurora 7 ก็ยังสามารถยกระดับซิสเต็มเพิ่มเติมความหวานได้ดีระดับนึงเลยทีเดียว (ถึงจะไม่เท่าการนำไปใช้กับ CD หรือ DAC) แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเห็นชัดขึ้นมาคือ ความชัดเจนของตัวโน๊ต น้ำหนักของคีย์เปียโน มวลเสียงของตัวโน๊ตแต่ละตัว ทำได้เป็นอย่างดีสิ่งเหล่านี้ทำให้ซิสเต็มเราปราศจากคำว่า "เสียงแห้ง" นะครับ ซิสเต็มใครเสียงแห้งๆต้องลองเอาสายไฟ Wireworld Aurora 7 เส้นนี้ไปลองใช้ดู

     สรุป สายไฟ Wireworld Aurora 7 มีจุดเด่นคือเสียงที่หวาน นุ่มละมุนละไม อีกทั้งราคาค่าตัวยังถือว่าไม่แพงเลย เมื่อเทียบกับคุณภาพเสียงที่ได้รับ หากท่านต้องการสายไฟที่ให้เสียงหวานในระดับราคา 8,000-10,000 บาท ผมแนะนำให้เอาสายไฟ Wireworld Aurora 7 ไปลองจริงๆครับ ท่านจะไม่ผิดหวังกับผลลัพท์ที่ได้เลย

     ใครสนใจ ก็สั่งซื้อได้ทาง Online Store ที่สามารถเก็บเงินปลายทางหรือชำระเงินด้วยบัตรเครดิตได้พร้อมส่วนลดต่างๆมาก มาย หรือจะไปซื้อตามร้านตัวแทนจำหน่ายอย่าง ร้าน Taan@อัมรินทร์ พลาซ่า และ LennShop ซีคอนสแควร์ ศรีนคินทร์ ก็ได้เลยครับ หรือจะโทรมาพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์และสั่งซื้อกับทาง Irene Audio ก็ยินดีครับ เข้ามาที่ Facebook แฟนเพจได้เลยครับ สินค้า Wireworld รับประกัน Limited Lifetime ครับ ใช้งานปกติไม่แตกหักถ้าเสียเปลี่ยนตัวใหม่ไปเลยครับ

http://smarturl.it/shop-ireneaudio




Irene Audio
Line: cchalerm

www.ireneaudio.comhttp://line.me/ti/p/WkEwlLUmW_www.ireneaudio.com/shop

https://www.citibank.co.th/th/mc/index.html?icid=CC045T

[Review] รีวิว สายไฟ Wireworld Stratus 7

http://smarturl.it/shop-ireneaudio

     จริงๆแล้วสายไฟ Wireworld Stratus 7 ตัวนี้ก็ออกมาได้สักปีกว่าๆแล้วหละ แต่ด้วยความขี้เกียจก็เลยไม่ได้เขียนรีวิวให้อ่านกันสักที ทั้งๆที่ต่างประเทศรีวิวกันไปเยอะแยะมากมายแล้ว วันนี้ก็จะมารีวิวให้ฟังซะหน่อยแล้วกัน เพราะช่วงนี้มีคนถามถึงสายไฟเส้นนี้กันบ่อยขึ้นเผื่อคนอื่นๆจะได้อ่านด้วย

[Review] รีวิว Xiaomi Bluetooth Speaker ลำโพงแจ๋ว ราคาจิ๋ว แต่เสียงไม่จิ๋ว


     สวัสดีครับ วันนี้จะมาแนะนำลำโพงเล็กคุณภาพไม่เล็กตามลำโพง แถมราคาแบบน่าตกใจมากได้เห็นครั้งแรกถึงกับอุทานว่า "มันขายราคานี้ได้ไงฟะ"

     Xiaomi ชื่ออาจจะฟังดูจีน แต่เป็นบริษัทที่กำลังเติบโตอย่างขีดสุดใน Concept ที่เรียกว่าดีไซน์สวย ทันสมัย สเปคดี ที่สำคัญคือราคาถูกมาก Xiaomi ทำการตลาดแบบขายเองโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางดังนั้นจึงทำให้ขายราคาได้ถูกสุดๆ จนเรียกว่าของในราคาเดียวกันนี่เทียบคุณภาพไม่ติดเลย

     เจ้าลำโพงตัวนี้ ให้เสียงที่ชัดเจน สดใส โปร่ง เหมาะกับการฟังเพลง pop เพลงทั่วไป ไม่ว่าจะเปิด mp3 หรือเปิด youtube ดูหนังฟังเพลงบนมือถือนี่ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมไม่มีที่ติ สามารถเชื่อมต่อด้วย Bluetooth 4.0 ได้อย่างง่ายดาย มีแบตเตอรี่ที่สามารถฟังเพลงได้นานถึง 13 ชั่วโมงเลยทีเดียว เรียกว่าพกพากันไปฟังนอกบ้านได้ทั้งวันเลยแหละ




     หลายคนคงสงสัยใช่มั้ยครับว่าทำไมเชียร์ว่าดีอย่างนู้นดีอย่างนี้ เว่อร์ไปรึเปล่า ก็ต้องบอกว่าทั้งหมดที่เขียนมาคงเว่อร์ไปจริงๆครับ ถ้าลำโพงตัวนี้ไม่ได้ราคา "แค่ 990 บาท"

เป็นไงครับเจอราคาเข้าไปอึ้งกันไปเลย



Irene Audio 
Online Store: www.ireneaudio.com/shop
Line: cchalerm

www.ireneaudio.comhttp://line.me/ti/p/WkEwlLUmW_www.ireneaudio.com/shop

https://www.citibank.co.th/th/mc/index.html?icid=CC045T

[Review] รีวิว หูฟัง Sony MDR-ZX770BT ราคาถูกที่คุ้มค่าที่สุด Best Budget Buy !!!

smarturl.it/sonyzx770

     พอดีช่วงปีใหม่หาซื้อหูฟังบลูทูธราคาย่อมเยา คุณภาพดี ราคาถูก เสียงไม่ต้องดีมาก เพื่อเอามาใช้งานทั่วๆไปฟังเพลงจากมือถือบ้างดูหนังบ้าง ก็มาเจอเจ้า Sony MDR-ZX770BT นี่ที่ยี่ห้อถือว่ามาตรฐาน คุณภาพดีใช้ได้ ที่น่าตกใจคือราคา !!! ในชอป Sony ที่ขาย 4,290 บาท ถือว่าถูกมากๆสำหรับหูฟังบลูทูธ หูฟังตัวนี้จะเป็นยังไงเดี๋ยวเรามาดูรีวิวกัน

     ต้องย้ำอีกครั้งว่าหูฟังตัวนี้ผมไม่ได้เน้นเสียงดีมาก เพราะผมเอามาใช้งานเป็นหลักไม่ได้เอามาฟังเพลงจริงจังดังนั้นจะให้ผมมารีวิวเสียงของหูฟังราคาสองพันกว่าบาทเทียบกับเครื่องเสียงหลายแสนที่บ้านก็คงไม่ได้หละครับ  จะเน้นไปที่ฟังก์ชั่นว่าทำอะไรได้บ้างแล้วก็เดี๋ยวรีวิวเสียงให้ฟังนิดหน่อยพองามละกันครับ

การเชื่อมต่อ

     Sony MDR-ZX770BT ตัวหูฟังสามารถใช้งานได้ทั้ง Bluetooth และ ใช้สายต่อ ซึ่งสายเราสามารถเอา mini jack 3.5mm จากไหนก็ได้มาเปลี่ยนได้เลยมีรูเสียบตัวเมียให้อัพเกรดสายเล่นได้ด้วย อีกทั้งลูกเล่นการเชื่อมต่ออย่างรวดเร็วด้วย NFC เพียงแค่เอาโทรศัพท์ที่รองรับ NFC มาแตะที่หูฟังเท่านี้ก็สามารถ Pair หูฟังกับโทรศัพท์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

การควมคุม
     
     Sony MDR-ZX770BT มีปุ่ม play, pause, forward, backward ที่หูฟังใช้งานได้สะดวกมากๆและมีปุ่มปรับ volume ก็กดง่ายเช่นกัน ส่วนปุ่ม noise cancelling ใช้สำหรับการออกไปอยู่ในที่ๆมีเสียงรบกวนเยอะๆก็ตัดเสียงข้างนอกได้ดี สามารถรับโทรศัพท์ได้เลยมีไมโครโฟนในตัว


การสวมใส่และวัสดุ

     Sony MDR-ZX770BT ใส่ได้ง่ายสบายๆ ตรงที่ครอบหูใหญ่กว่าหูทำให้ครอบลงไปได้ทั้งหูไม่กดหูและการปรับเลื่อนทำได้นุ่มนวลและล๊อกได้แข็งแรง ในจุดนี้เทียบหูฟังยี่ห้อจีนราคาพันกว่าบาทโซนี่ทำได้ดีกว่าแบบเทียบไม่ติด ทั้งคุณภาพวัสดุ งานประกอบอะไรถือว่าเนี๊ยบมากในมาตรฐานของโซนี่ครับ โดยเฉพาะราคามันไม่แพงเนี่ยแหละที่ทำให้ยิ่งประทับใจ

เสียง

     ขออนุญาติไม่นำเจ้า Sony MDR-ZX770BT ไปเทียบกับของ Hiend โดยเด็ดขาด เรื่องเสียงร้องทำได้ชัดเจนระดับนึง รายละเอียดพอมีปานกลาง เสียงเบสอาจจะบางไปสักนิดนึง แต่โดยรวมผมถือว่าในราคานี้ ทำเสียงมาให้ค่อนข้างสมราคาครับ แต่ถ้าใครจะจะซื้อมาฟังเพลงจริงจังเอาเสียงเพราะผมคงไม่แนะนำครับ


บทสรุป

     ใครกำลังหาหูฟังบลูทูธที่ราคาย่อมเยา คุณภาพดี ใช้งานง่ายและใส่สบาย บอกได้เลยว่าผมแนะนำให้ซื้อเจ้า Sony MDR-ZX770BT รุ่นนี้โดยไม่ต้องลังเล เพราะทั้งตลาดผมหามาหมดแล้วไม่มีอันไหนที่ถูกกว่าตัวนี้แล้ว บอกตรงๆว่าในชีวิตผมนี่แทบไม่เคยซื้อของโซนี่เลย แต่ชิ้นนี้ถือว่าเป็นชิ้นที่ผมว่าโซนี่ทำได้ดีกว่ายี่ห้ออื่นในตลาดครับ

ใครจะซื้อจัดไปเลยครับ เราเลือกให้แล้ว ไม่ผิดหวังแน่นอนกับ

>> Sony MDR-ZX770BT <<
Irene Audio 
Online Store: www.ireneaudio.com/shop
Line: cchalerm

www.ireneaudio.comhttp://line.me/ti/p/WkEwlLUmW_www.ireneaudio.com/shop

https://www.citibank.co.th/th/mc/index.html?icid=CC045T

[Knowledge] RCA และ XLR ต่างกันจริงหรือ? และอันไหนดีกว่ากัน

http://hyperurl.co/xjsoll

     สวัสดีครับ ไม่ได้เขียนซะนานวันนี้อยู่ว่างๆนึกถึงเรื่องนี้เลยเขียนมาให้อ่านกัน เชื่อว่าหลายคนต้องสงสัยหรือตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ๆว่าเวลาเราเลือกสายหัว RCA หรือ XLR ดีกว่ากัน อยากรู้แล้วใช่ไหมครับ ไปอ่านกันเลย

     ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า วงจร Unbalance (ขั้วต่อ RCA) และ วงจร Balance (ขั้วต่อ XLR) นั้นมีความแตกต่างกันในทางไฟฟ้าแน่ๆครับ ซึ่ง XLR จะใช้ในการเดินสายไกลๆเนื่องจากส่งสัญญาณได้ดีกว่าแต่บทความนี้ขอพูดเกี่ยวกับเฉพาะเครื่องเสียงนะครับ ขออนุญาติใช้คำว่า RCA แทน วงจร unbalance และขั้วต่อ รวมถึง XLR แทนวงจร balance และขั้วต่อ เพื่อความง่ายต่อการอ่านครับ

     สายสัญญาณในรุ่นเดียวกันบางทีจะมีทั้งขั้วต่อ RCA และ XLR มีทั้งคนที่บอกว่าเสียงเหมือนกัน เสียงไม่เหมือนกัน RCA ฟังแล้วเพราะกว่า XLR ฟังแล้ววงใหญ่กว่า อันนี้เรามาวิเคราะห์ความต่างของสองสิ่งนี้กันดีกว่าครับ

1. ขั้วต่อ RCA มักจะมีของคุณภาพดีกว่า อันนี้เป็นเรื่องจริงครับ ทั้งหัวและขั้วต่อ RCA มีของที่คุณภาพดีกว่า XLR ในท้องตลาดเยอะแยะมากมาย ปฏิเสธไม่ได้จริงๆว่าเป็นส่วนนึงที่ทำให้เสียงจากสาย RCA ดีกว่าในสายบางเส้น และในเครื่องเล่นเครื่องเดียวกัน คุณภาพของขั้ว RCA และ XLR ก็ไม่เท่ากัน

2. เครื่องเล่นมีทั้ง Balance แท้และ Balance เทียม สองอันนี้ต่างกันยังไง Balance แท้ก็คือวงจรที่รองรับการเชื่อมต่อแบบ XLR + - gnd สามเส้น ซึ่งสัญญาณจะถูกนำมาเปรียบเทียบกันก่อนนำไปใช้ ส่วนวงจร Balance เทียมคือเอาเฉพาะ + gnd ของ XLR มาใช้เท่านั้น ซึ่งวงจรปลายทางเป็นวงจร unbalance การต่อลักษณะนี้เทียบได้เท่ากับการต่อวงจร unbalance แต่ใช้ connector XLR นั่นเอง

ว่ากันตามทฤษฎีให้ตัวแปรทุกอย่างมีค่าเท่ากัน เช่น สาย หัวปลั๊ก ขั้วต่อ มีคุณภาพเท่ากัน XLR จะมีการลดทอนที่น้อยกว่า RCA อย่างแน่นอน

3. ข้อนี้สำคัญสุด สายที่ใช้สำหรับวงจร unbalance จะมีสองเส้นคือ (+, gnd) ส่วน balance มีสามเส้น (+, -, gnd) จุดใหญ่ๆจุดนึงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดจากการที่เคยแกะสายหลายๆอันออกมาพบว่า สายทั้ง RCA และ XLR ใช้สายเส้นเดียวกัน มีใส้ในสามเส้น แต่ RCA นำสายทั้ง +, - มารวบเข้าด้วยกันทำเป็น + จุดนี้แหละครับที่ทำให้แตกต่างกัน แตกต่างกันตรงไหนผู้อ่านทราบมั้ยครับ?

การนำสายสองเส้นมาต่อขนานกันเท่ากับการนำ resistor มาต่อขนานกันทำให้ค่า resistance ลดลงครึ่งนึง และค่า capacitance เพิ่มขึ้น ยิ่งพูดเดี๋ยวจะยิ่งงงเอาเป็นว่าจุดนี้แหละครับ ที่ทำให้สายหลายๆเส้น RCA และ XLR เสียงไม่เหมือนกัน

     สรุปทั้ง RCA และ XLR มีจุดหลายๆจุดที่แตกต่างกันมากมาย จึงทำให้เกิดเสียงที่แตกต่างกัน แต่จะให้สรุปว่าอย่างไหนดีกว่ากัน ผมคงสรุปได้ว่าอันที่คุณภาพอุปกรณ์ดีกว่า "น่าจะ" เสียงดีกว่า แต่สุดท้ายยังไงก็ต้องตัดสินจากการฟังอยู่ดีครับ

Irene Audio 
Online Store: www.ireneaudio.com/shop
Line: cchalerm

www.ireneaudio.comhttp://line.me/ti/p/WkEwlLUmW_www.ireneaudio.com/shop

[Sale] รวมสินค้าลดกระหน่ำราคาพิเศษ Online Sale Festival 10-12 ธ.ค. 58

http://goo.gl/eC1BRd

     วันที่ 10-12 ธ.ค.58 จะเป็นวัน Sale ถล่มทลายของ Lazada Online Store ทั่วโลก วันนี้เราจึงนำสินค้าที่คิดว่าลดราคาถูกสุดๆ และราคาพิเศษที่หาซื้อได้วันนี้วันเดียวเท่านั้นมาให้เลือกซื้อกัน เน้นย้ำว่ามันเป็นวัน Online Sale เพราะฉะนั้นจะต้องสั่งซื้อผ่านช่องทาง Online Store เท่านั้น อย่ามัวเสียเวลาถ้าพร้อมแล้วไปกันเลยดีกว่า !!!

Onkyo HT-S3700 และ HT-S5805 Home Theater รุ่นยอดนิยม !! 


http://ho.lazada.co.th/SHEG3B



http://ho.lazada.co.th/SHEG4T

ปลั๊กกรองไฟ Monster Green Power HT 800G+


http://ho.lazada.co.th/SHEG4f
เครื่องเล่น Bluray ยอดนิยมจาก Pioneer ลดราคาพิเศษสุดๆ !!!


http://ho.lazada.co.th/SHEG9X
บ้าไปแล้ว ทีวี LED 42" ความคมชัดระดับ Full HD ราคาแค่หมื่นเดียว !!!

http://ho.lazada.co.th/SHEGGN
อะไรนะลำโพง JBL Docking
ลดเหลือแค่ 1990 บาท !!! ราคานี้มันบ้าไปแล้ว


http://ho.lazada.co.th/SHEGN1

แล้วชุดเครื่องเสียงจาก Yamaha พร้อมลำโพง ราคาแค่นี้เองจริงๆ !!!

http://ho.lazada.co.th/SHEGQR